ครูเผย ´น้องเกรซ´ เรียนดีดนตรีเด่น

"น้องเกรซ เด็กเก่ง ขยัน ทั้ง ดนตรี กีฬา"



จากที่ ไทยรัฐ เผยแพร่เรื่องราวชีวิตอาภัพของ น้องเกรซ ด.ญ.ฟารีดา ศิริพงษ์ อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1/1 โรงเรียนคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. ถูกพ่อทอดทิ้ง แม่ตาย

ต้องมาอาศัยอยู่กับป้า และออกหา เงินเรียน

ด้วยการตีขิมที่ตลาดนัดสวนจตุจักร หลังตกเป็นข่าวมีคนให้ความสนใจยื่นมือให้ความช่วยเหลือจำนวนมาก ทั้งมอบเงินและเสนอจะซื้อขิมตัวใหม่ รวมถึงหาที่เรียนพัฒนาฝีมือตีขิมให้ รวมทั้งมีคนอ้างตัวว่าอาจจะเป็นพ่อของ น้องเกรซ ซึ่งทางฝ่ายป้าได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่ใช่พ่อตัวจริงตามที่สงสัยแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ผู้สื่อข่าว

เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 128 ซอยบูเราะห์อารีย์ ถนนเสรีไทย 30 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม ที่พักของ น้องเกรซ ซึ่งอยู่กับ น.ส. เจริญผล ฉัตรทอง ผู้เป็นป้า เป็นห้องเช่าขนาดเล็ก ข้าวของเครื่องใช้ในห้องถูกเก็บจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ

ซึ่งต่อมา น.ส.เจริญผล อายุ 42 ปี

ป้าของน้องเกรซเปิดเผยว่า ตนกับหลานมาเช่าอยู่ที่นี่ได้ 8 เดือน ค่าเช่าเดือนละ 1,700 บาท ที่เลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้ที่เรียนของน้องเกรซ จากนั้นได้นำผลการเรียนของน้องเกรซมาให้ดูพบว่าสอบได้เกรด 4 ถึง 8 วิชา

และยังมีใบประกาศนียบัตร

หนังสือรับรองจากการร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียนอีกหลายใบ อาทิ รางวัลชนะเลิศสวดมนต์หมู่ประเภททีม ระดับประถมศึกษาของกรมการศาสนา รางวัลที่ 3 ประกวดโครงงานนักเรียนระดับประเทศ เรื่อง กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ



ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี

นอกจากนั้นยังมีจดหมายจากสำนักราชเลขาธิการอีก 2-3 ฉบับ ที่ตอบกลับมาถึงน้องเกรซเรื่องขอพระราชทานทุนการศึกษา ซึ่งน้องเกรซเก็บรักษาไว้อย่างดี

ขณะที่น้องเกรซได้นำถุงผ้าสีเขียวที่ข้างถุงเขียนว่า

พระราชทาน ซึ่งเก็บไว้อย่างดีในตู้เสื้อผ้าออกมาพร้อมเล่าว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการได้เดินทางมาที่ห้องพัก มีเจ้าหน้าที่เขตบึงกุ่มพามาเยี่ยมดูความเป็นอยู่

มีผู้หญิงท่านหนึ่งเดินทางมาด้วย ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร

ได้นำถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้ ในถุงมีผ้าห่ม ข้าวสาร น้ำพริก และเสื้อผ้าจากสวนจิตรลดา สร้างความปลื้มปีติเป็นอย่างมาก เคยรู้สึกว่าตัวเองไม่มีที่พึ่งที่ไหน แต่วันนี้โชคดีที่มีคนสงสารและให้ความเห็นใจ

จะตั้งใจเรียนและจะเป็นเด็กดี ตั้งใจไว้ว่าอนาคตจะเป็นครู

ส่วนเรื่องที่มีคนจะให้ขิมตัวใหม่มาใช้นั้น ตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะเก็บเงินซื้อขิมตัวใหม่ และอยากจะเรียนรู้เทคนิคเล่นขิม หากได้ขิมฟรีจะได้ทุ่นค่าใช้จ่าย ส่วนค่าเรียนดนตรีนั้นจะพยายามเก็บเงินเอง

น้องเกรซยังเปิดเผยถึงเรื่องที่เขียนจดหมายถึงสำนักราชเลขาธิการว่า

รู้สึกไม่มีใครแล้ว จึงได้คิดถึงในหลวง และเขียนจดหมายกราบพระบาทพระองค์ท่าน เล่าว่าลำบากอย่างไรบ้าง ครั้งแรกเขียนขอทุนเรียน ฉบับที่ 2 เขียนกราบขอบพระทัยพระองค์ท่านที่ช่วยให้ได้เรียน ม.1



และหลังจากคุณตาเสียชีวิต

ได้เขียนกราบขออนุญาตนำเงินที่ได้รับความช่วยเหลือจากกรมประชาสงเคราะห์ 7 พันบาท ไปใช้ทำศพคุณตาเพราะไม่มีเงินค่าทำศพ รวมถึงตอนที่พระองค์ประชวรที่ รพ.ศิริราช ได้เขียนถวายพระพรให้ทรงหายประชวร

โดย น้องเกรซ ได้นำจดหมาย

ซึ่งทางสำนักราชเลขาธิการตอบกลับมาให้ดู ในจดหมายลงวันที่ 24 ก.ค. 2549 มีข้อความว่า ตามที่ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับที่ รพ.ศิริราช เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2549

ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาฯทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว

ทรงขอบใจ และฉบับสุดท้าย น้องเกรซ เพิ่งจะเขียนกราบบังคมทูลขอบพระทัยในหลวง เจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการมาเยี่ยมที่บ้าน พร้อมทั้งนำของพระราชทานมามอบให้

ส่วนความเป็นอยู่ในรั้วโรงเรียนของน้องเกรซนั้น

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางบุปผา กาญจนรังสี ครูประจำชั้นของน้องเกรซว่า น้องเกรซมีผลการเรียนดี และนิสัยดี ทุกเช้าจะมีหน้าที่ตีขิมหน้าเสาธงเพื่อให้เพื่อนๆ ทำสมาธิก่อนเข้าเรียน

หากมีนิทรรศการที่โรงเรียนต้องนำดนตรีไปแสดง

น้องเกรซจะอยู่ในทีมด้วยทุกครั้ง เพราะสามารถเล่นขิมได้ดี เป็นคนกล้าคิดในสิ่งที่ถูกต้อง เคยเขียนหนังสือขอทุน จนได้ทุนพระราชทานจากสำนักราชเลขาธิการ ส่วนที่ไปตีขิมที่สวนจตุจักร

ทางโรงเรียนก็เห็นเป็นเรื่องดี

ที่เด็กรู้จักหารายได้พิเศษช่วยเหลือครอบครัว ซึ่งน้องเกรซ อาศัยอยู่กับป้าที่ไม่มีรายได้มากมายอะไร และป้าก็เคยประสบอุบัติเหตุตกรถเมล์ สุขภาพจึงไม่ค่อยดี



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์