คนแห่กลับกรุง รถติดหลายกม.

ผ่านพ้นปีเก่า เข้าสู่วันแรกของศักราช 2551 ประชาชนทั่วประเทศต่างก็ถือฤกษ์เริ่มต้นปีใหม่ ออกมาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคลกันอย่างคึกคัก

รวมทั้งที่มณฑลท้องสนามหลวง ที่ทาง กทม.จัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 181 รูป พร้อมกันนี้ มีประชาชนจำนวนมากพากันมาลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมมหาราชวัง อย่างเนืองแน่นตั้งแต่ช่วงเช้า โดยผู้ที่มาลงนามจะได้รับปฏิทินหลวง พ.ศ.2551 พระราชทานสำหรับความสุขปีใหม่เป็นเล่มสีชมพู คนละ 1 เล่มด้วย
 

จากนั้นในช่วงสายวันเดียวกัน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย นพ.เสรี หงส์หยก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค

แถลงข่าวสถิติผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ จากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2551 ในช่วงรณรงค์ลดอุบัติเหตุ 7 วันอันตราย ว่าในวันที่ 31 ธ.ค.2550 เกิดอุบัติเหตุ 858 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 74 คน บาดเจ็บ 950 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ เมาแล้วขับ รองลงมาคือ ขับรถเร็ว ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์ รองลงมาคือ รถปิกอัพ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ จ.เชียงราย 34 ครั้ง รองลงมาคือ พิษณุโลก อุดรธานี จังหวัดละ 28 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือ นครศรีธรรมราช 6 คน รองมาได้แก่ ขอนแก่น สุพรรณบุรี จังหวัดละ 5 คน
 

สำหรับสรุปยอดอุบัติเหตุทั้ง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 28-31 ธ.ค. 2550 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 2,823 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 262 คน น้อยกว่าปี 2549 จำนวน 13 คน

ผู้บาดเจ็บ 3,081 คน น้อยกว่าปี 2549 จำนวน 14 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ได้แก่ เชียงราย 102 ครั้ง รองมาได้แก่ สุรินทร์ 91 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น 16 คน รองลงมา ได้แก่ นครปฐม 13 คน ระยอง 11 คน จังหวัดที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต มี 7 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ปัตตานี นราธิวาส มุกดาหาร สตูล ระนอง และร้อยเอ็ด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 108 คน รองลงมา ได้แก่ สุรินทร์ 107 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมน้อยที่สุด ได้แก่ ยโสธร
 


ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา ถึงการประเมินผลการโทร.แจ้งเหตุที่ศูนย์รับแจ้งเหตุนเรนทร 1669 ตั้งแต่วันที่ 28-31 ธ.ค.2550 ว่ารวม 4 วัน

เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยแจ้งเหตุทั่วประเทศได้รับรายงานว่า มีประชาชนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่โทร.แจ้งแบบไร้สาระ เช่น แซวเจ้าหน้าที่ ใช้คำพูดลวนลามไม่สุภาพกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นสุภาพสตรี หรือโทร.แล้วไม่พูด และแจ้งเหตุลวง เช่น แจ้งไฟไหม้ แต่ไหม้ที่หัวไม้ขีดไฟ จำนวน 7,312 สาย เฉลี่ยวันละ 1,800 สาย หรือโทร.ทุกนาที ส่วนใหญ่เป็นเด็ก มีทั้งโทร.จากมือถือ โทรศัพท์บ้าน และตู้สาธารณะ โดยในเทศกาลวันหยุดหลายวันนี้การโทร.จะสูงกว่าวันปกติประมาณ 30 เท่าตัว บางรายใช้มือถือโทร.ก่อกวนคนเดียวมากถึง 50 ครั้ง ซึ่งการโทร.ก่อกวนดังกล่าว ทำให้เกิดผลเสียต่อการรับแจ้งมาก เพราะจะสายไม่ว่าง หากมีคนที่กำลังป่วยหนักจริงๆ โทร.ขอความช่วยเหลือและโทร.ไม่ได้ ก็จะขาดโอกาสได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์ อาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากการป่วยฉุกเฉินมีโอกาสเป็นหรือตายพอๆกัน จึงขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลลูกหลานและขอให้เห็นแก่ชีวิตผู้เจ็บป่วยด้วย
 

ขณะที่ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้อำนวยการศูนย์นเรนทร กล่าวว่า

อีกไม่นาน พระราชบัญญัติการแพทย์ ฉุกเฉินจะมีผลบังคับใช้ คาดว่าประมาณเดือน มี.ค. 2551 ตามกฎหมายนี้ได้กำหนดโทษผู้ที่ใช้ระบบการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศที่จัดไว้เพื่อการปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน และทำให้เกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติการฉุกเฉินของเจ้าหน้าที่ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ทั้งนี้โทรศัพท์รับแจ้งเหตุนเรนทร 1669 ทุกเครื่อง จะบันทึกวันเวลา เบอร์ที่โทร.เข้าทุกเบอร์โดยละเอียด สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าโทร.จากแหล่งใด และมีกล้องวงจรปิดติดตั้งที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ส่วนโทรศัพท์ระบบมือถือก็จะสามารถตรวจสอบสถานที่โทร.ได้ทันทีเช่นกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบสารสนเทศ ซึ่งคาดว่าจะใช้การได้ในกลางปีนี้
 

ส่วนสภาพการจราจรตามถนนสายหลักจากภาคต่างๆ ที่มุ่งหน้าเข้ากรุง ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนสุขุมวิท ถนนสายเอเชีย ถนนมิตรภาพ ฯลฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

ตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นมา ก็แน่นขนัดไปด้วยยวดยาน ทั้งรถโดยสารและรถยนต์ส่วนบุคคล ที่แห่กันกลับเข้ากรุง โดยเวลา 16.00 น. การจราจรบนถนนมิตรภาพ เส้นทางจากภาคอีสานสู่ กทม. ก็เจอกับสภาพติดขัดในจุดจะเข้าเมืองสระบุรี ถึงหน้าโรงพยาบาลอดิศร ศูนย์การทหารม้า ซึ่งเป็นสามแยกสะพานต่างระดับ รถวิ่งมา 8 เลน พอมาถึงสามแยกหน้าค่ายอดิศร ลดลงเหลือ 2 เลน ทำให้รถติดยาวหลาย กม.
 

ขณะที่ สถานีขนส่งแห่งที่ 1 และ 2 ของ จ.นครราชสีมา ก็เนืองแน่นไปด้วยคนนับหมื่นที่มารอขึ้นรถโดยสาร

ซึ่งนายอนุสรณ์ วิทูรากร ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาอำนวยการเรื่องการรับส่งผู้โดยสารด้วยตนเอง โดยระดมเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และตรวจหารสารเสพติดในผู้ขับขี่รถโดยสาร เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและดูแลไม่ให้ผู้ประกอบการเดินรถเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสาร ซึ่งคาดว่าจะขนถ่ายผู้โดยสารให้หมดจาก บขส.นครราชสีมา ก่อนเที่ยงคืนวันที่ 2 ม.ค. 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์