คดีพลิก!!! หนุ่มจยย. รับสารภาพ ชนแล้วตั้งใจหนีจริง



           ล่าสุดวันนี้ พล.ต.ต. ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6 เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้รีบดำเนินการโดยเร็ว เพราะหลังจากดูคลิปแล้ว เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยตนเองก็ได้กำชับให้ผู้กำกับ สน.ยานนาวา เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งกรณีนี้จะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรก คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร เมื่อเฉี่ยวชนแล้วไม่หยุดรถ เพื่อแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ และส่วนที่สอง กรณีคดีความเรื่องการทำร้ายร่างกาย ซึ่งทั้งสองส่วนนี้เป็นความผิดลหุโทษ 

           โดยเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เรียกทั้งคู่มาสอบปากคำ และได้แจ้งข้อหากับน็อต ในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจ ส่วนการสอบปากคำนายกิตติศักดิ์ ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ชนและหนีจริง ซึ่งหลังจากการสอบสวน ได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไปชั่วคราว หลังจากนี้ต้องรอความเห็นจากแพทย์ว่าจะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายธรรมดา หรือทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส หากเป็นเหตุทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ก็จะต้องเพิ่มโทษขึ้นอีก ซึ่งต้องรอทางแพทย์วินิจฉัย ลงความเห็นภายใน 1 สัปดาห์ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่านายกิตติศักดิ์ จะต้องใช้เวลารักษาตัวนานแค่ไหน 

ส่วนกรณีที่ น็อต มีทนายความเข้ามาช่วยดูแลเรื่องคดีอย่างใกล้ชิดนั้น พล.ต.ต. ทรงพล ยืนยันว่า ไม่มีผลต่อรูปคดี และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์และมินิคูเปอร์มาตรวจสอบแล้ว ที่กองบังคับการตำรวจจราจร

          อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นจากที่เห็นในคลิปวิดีโอ ยังไม่เห็นว่านายกิตติศักดิ์จะทำร้ายร่างกายน็อต หรือต่อสู้โต้ตอบแต่อย่างใด เห็นเพียงนายน็อตทำร้ายร่างกายนายกิตติศักดิ์เท่านั้น โดยมองว่าเหตุนี้เป็นเหตุบันดาลโทสะที่น็อตไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดจากพื้นที่ใกล้เคียงให้ชัดเจน และสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ล่าสุดวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 เฟซบุ๊ก Bright TV : Digital TV ช่อง 20 ได้ เผยแพร่คลิปวิดีโอที่นายกิตติศักดิ์ หรือบอย ให้สัมภาษณ์ในกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ยอมรับว่าชนแล้วหนีจริง ซึ่งขณะที่กำลังขี่รถกลับบ้านนั้นตนถูกรถแท็กซี่ชนท้ายจนไปเฉี่ยวรถของ น็อต อัครณัฐ ตอนนั้นตนคิดจะหนี แต่คิดว่าหนีไม่ได้เพราะมีกล้องเยอะ ตนจึงวกรถกลับไปยังจุดเกิดเหตุ

          นายกิตติศักดิ์ ระบุอีกว่า ตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยอมรับเพราะตนเป็นคนผิด เพราะชนแล้วหนี ที่ตนไม่สู้หลังจากที่ น็อต ทำร้ายร่างกายนั้น เป็นเพราะตนรู้สึกผิดที่ชนแล้วหนี ตนก็ต้องยอม ตอนแรกตนไม่รู้ว่าน็อต อัครณัฐ เป็นดารา ตนมารู้ที่หลังตอนออกข่าว ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องก็ได้เดินทางไปสถานีตำรวจ น็อต อัครณัฐ ก็บอกว่าเขาเป็นดารา เป็นพิธีกร และขออย่าเอาเรื่อง เพราะกลัวจะกระทบหน้าที่การงาน และจะเคลียร์ค่าเสียหายให้

          นายกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ตำรวจมาห้าม และเดินทางถึงสถานีตำรวจนั้น น็อต อัครณัฐ มีท่าทีเย็นลง พร้อมขอโทษตนและแม่ของตน ตอนที่ถูกต่อยนั้นถูกต่อยก่อนหน้าคลิปประมาณ 3-4 หมัด และในคลิปอีก 3-4 หมัด ตอนแรกตนก็เห็นใจ น็อต อัครณัฐ ไม่เอาเรื่องแจ้งความ อีกทั้งตนไม่ได้บอกแม่ว่าเรื่องรุนแรงแค่ไหนบอกแค่ว่าถูกต่อย และอยากให้เรื่องจบไว ๆ แต่ทางบ้านเห็นคลิปแล้วรับไม่ได้จึงเข้าแจ้งความ

          อย่างไรก็ดี นายกิตติศักดิ์ ทิ้งท้ายว่า อยากให้ข่าวจบไว ๆ อยากใช้ชีวิตปกติ ตนไม่คิดแค้นอยากให้ว่าไปตามคดี ที่แยกกันไปคนละคดี ขณะนี้ได้รับบาดเจ็บดั้งจมูกหัก และสันจมูกเบี้ยวนิดหน่อย อาจจะต้องผ่าตัด

ที่มา : Bright TV