ข่าวพระฉาวทำให้คนอีสานศรัทธาลด เชื่อสมีคำปาราชิกแล้ว เลื่อมใสหลวงพ่อคูณสุด

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม   อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
 
เผยผลสำรวจเรื่อง “วิกฤติศรัทธาในพระพุทธศาสนา” ผลสำรวจพบว่า ชาวพุทธอีสานส่วนใหญ่จะไปทำบุญที่วัดช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา  พระสงฆ์ที่ชาวอีสานศรัทธามากที่สุด คือ หลวงพ่อคูณ  ขณะที่ข่าวในแง่ลบของวงการพระสงฆ์ ส่งผลให้ความศรัทธาต่อพระสงฆ์ของชาวอีสานลดลง เชื่อ!อดีตพระเณรคำปาราชิกจริง ต้องพ้นจากความเป็นพระ  เสนอให้ตรวจสอบพระสงฆ์และวัดให้เข้มงวดมากขึ้น

ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยว่า

การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจพฤติกรรมของชาวอีสานเกี่ยวกับการเข้าวัดทำบุญในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา และความคิดเห็นต่อข่าวเชิงลบในวงการพระสงฆ์ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19-21 ก.ค. 2556 จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพุทธศาสนิกชน อายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 1,124 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ หนองคาย ชัยภูมิ เลย อุบลราชธานี อุดรธานี นครพนม หนองบัวลำภู สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และบึงกาฬ


ข่าวพระฉาวทำให้คนอีสานศรัทธาลด เชื่อสมีคำปาราชิกแล้ว เลื่อมใสหลวงพ่อคูณสุด

เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างชาวอีสานว่าในช่วงวันสำคัญทางศาสนา คือวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา

พุทธศาสนิกชนชาวอีสานวางแผนจะไปประกอบศาสนพิธีหรือไปทำบุญตามศาสนสถานหรือไม่ ผลสำรวจพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 73.6 วางแผนจะไป รองลงมาร้อยละ 16.8 ไม่ได้วางแผน/ไม่แน่ใจ โดยมีเพียงร้อยละ 9.6 ที่คาดว่าจะไม่ไป

นอกจากนี้ อีสานโพลได้สอบถามกลุ่มตัวอย่างว่า มีความศรัทธาต่อพระสงฆ์รูปใดในภาคอีสานมากที่สุด (ที่ยังมีชีวิตอยู่) กว่าร้อยละ 27.0 ของกลุ่มตัวอย่าง รู้สึกศรัทธาต่อพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคุณ ปริสุทฺโธ  แห่งวัดบ้านไร่ นอกจากนี้ยังมีพระที่มีชื่อเสียงรูปอื่นๆ ร้อยกว่ารูปที่ถูกเอ่ยถึง กระจายไปตามอำเภอต่างๆ ในภาคอีสาน แต่ก็มีกว่า ร้อยละ 32.8 ที่ไม่มีพระสงฆ์ที่ตนศรัทธาเป็นพิเศษ


เมื่อสอบถามพุทธศาสนิกชนชาวอีสานว่ามีความคิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับข่าวในแง่ลบที่เกิดกับวงการพระสงฆ์ในช่วงที่ผ่านมา

อาทิ ข่าวพระสงฆ์สะสมทรัพย์สมบัติหรูหราไว้เป็นจำนวนมาก พระสงฆ์เสพย์เมถุนกับสีกา และพระสงฆ์ดื่มสุรายาเสพย์ติด ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 44.2 เห็นว่าข่าวดังกล่าวมีผลทำให้ความศรัทธาที่มีต่อพระสงฆ์โดยรวมลดลงบ้าง รองลงมาร้อยละ 41.5 เห็นว่าข่าวดังกล่าวมีผลทำให้ความศรัทธาที่มีต่อพระสงฆ์โดยรวมลดลงมาก โดยมีเพียงร้อยละ 14.3 ที่ยังคงศรัทธาต่อพระสงฆ์โดยรวมท่าเดิม

เกี่ยวกับกรณีนายวีรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ ที่มีข่าวฉาวจนถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกงประชาชน และกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
 
จากการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 95.2 ทราบข่าวฉาวดังกล่าว มีเพียงร้อยละ 4.8 ที่ไม่ทราบข่าวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว  โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 83.7 เชื่อว่าอดีตพระเณรคำกระทำการเข้าข่ายอาบัติปาราชิกและหมดสภาพความเป็นพระ รองลงมาร้อยละ 13.9 ไม่แน่ใจ โดยมีเพียงร้อยละ 2.4 ที่เชื่อว่าอดีตพระเณรคำไม่ได้เข้าข่ายปาราชิกและหมดสภาพความเป็นพระ

นอกจากนี้ อีสานโพลยังได้สอบถามพุทธศาสนิกชนชาวอีสานว่า มีข้อเสนออย่างไรต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการที่จะป้องกัน/ปราบปราม

การปฏิบัติไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ รวมทั้งเป็นการจัดระเบียบพระสงฆ์และพระพุทธศาสนา โดยส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งพุทธศาสนิกชน ร่วมกันตรวจสอบวัดและพระสงฆ์ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการตรวจสอบหรือดูแลอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการบริจาค และรายได้ของวัด เป็นต้น


"จากผลสำรวจจะเห็นว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นพุทธศาสนิกชนชาวอีสานให้ความสำคัญกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยวางแผนจะไปประกอบศาสนพิธีและทำบุญที่วัดในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา สำหรับข่าวในแง่ลบเกี่ยวกับวงการพระสงฆ์ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้พุทธศาสนิกชนมีความศรัทธาต่อพระสงฆ์ลดลง ส่วนกรณีอดีตพระเณรคำ พบว่าส่วนใหญ่เชื่อว่าการกระทำของเณรคำเข้าข่ายอาบัติปาราชิกและหมดสภาพความเป็นพระ สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า วงการพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาอาจต้องมีการเข้ามาตรวจสอบและดูแลอย่างจริงจังมากขึ้นโดยทุกภาคส่วน และพุทธศาสนิกชนที่ดีควรยึดถือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ไม่เชื่อต่อสิ่งที่งมงายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแสวงหาประโยชน์จากความเชื่อและพิธีกรรมต่างๆ จนทำให้วงการศาสนามัวหมอง" ดร.สุทิน กล่าวตอนท้าย


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์