ขึ้นบัญชีดำ2เกจิหลวงหนุ่ย-ปู่นริศปลุกเสกอวดอุตริ


ขึ้นบัญชีดำ "หลวงหนุ่ย-ปู่นริศ" ห้ามปลุกเสกจตุคามฯ ในวัดพระธาตุเมืองคอน

หลังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม "หลวงหนุ่ย" ยอมรับผิดวินัยทางสงฆ์จริง แต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เดินหน้าเป็นเจ้าพิธีต่อ ชี้กระแสโจมตีเกิดจากการปฏิเสธเป็นเจ้าพิธีให้รุ่นอื่น


 ภายหลังจากการเปิดเผย

ถึงพฤติกรรมพิสดารในการปลุกเสกวัตถุมงคลของพระใบฎีกาปรานพ ฐิตคนฺโธ หรือหลวงหนุ่ย รองเจ้าอาวาสวัดคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จนมีผู้ออกมารวมตัวต่อต้านการแสดงพฤติกรรมในการปลุกเสกที่ไม่เหมาะสม

กระทั่งนายวิชา ทรรพคช รองผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช
 
ต้องเข้ากราบนมัสการพระราชธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้มีคำสั่งห้ามหลวงหนุ่ยไม่ให้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จนต้องยุติบทบาทการเป็นเจ้าพิธีตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา


ล่าสุด วันที่ 16 กรกฎาคม นายวิชา กล่าวว่า

จากการหารือกับพระราชธรรมสุธี มีข้อสรุปแล้วว่า ห้ามสงฆ์และผู้ที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมเข้ามาทำพิธีในบริเวณวัดอย่างเด็ดขาด จะมารำมโนราห์พิสดารเต้นแร้งเต้นกาไม่ได้ และขณะนี้ขึ้นบัญชีสั่งห้ามแล้ว 2 ราย คือ หลวงหนุ่ย และอีกรายที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงปู่นริศ นรินโท ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าเป็นสงฆ์หรือไม่


 รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า
 
ได้ประสานงานกับสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดพังงาตรวจสอบพฤติการณ์ของบุคคลนี้ เท่าที่พบข้อมูล ทราบว่าเคยบวชที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ และมีพฤติการณ์บางอย่างที่ไม่ปกติ จึงถูกให้ออกจากวัดชลประทานฯ และไปอยู่อีกหลายที่ ล่าสุดไปอยู่ที่ท้ายเหมือง จ.พังงา

 "ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นสำนักสงฆ์ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่าเป็นสงฆ์ถูกต้องหรือแต่งกายคล้ายสงฆ์ ระยะหลังนี้ก็ไม่ค่อยอยู่ประจำที่ เจ้าหน้าที่ไปซุ่มแต่ไม่เจอ ซึ่งจะมีการดำเนินการอย่างแน่นอนตามขั้นตอนที่สามารถทำได้" รองผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าว


 มีรายงานว่า
 
หลวงปู่นริศจะมีเอกลักษณ์คือ แต่งกายด้วยจีวรสีแดงเข้ม เคี้ยวหมากตลอดเวลา และสูบซิการ์ม้วนใหญ่ เมื่อมีพิธีจะว่ากลอนและร่ายรำโนรายกแข้งยกขาและสวมเล็บโนราร่ายรำ พร้อมกับกล่าวบทกลอนผ่านเครื่องขยายเสียง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

พิธีกรรมที่หลวงหนุ่ยจะต้องมีคิวในการปลุกเสกนั้น เจ้าของพิธีต่างก็เร่งติดต่อเจ้าพิธีรายใหม่กันอย่างเร่งด่วนแล้ว เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ หากมีการห้ามหลวงหนุ่ยเข้าเป็นเจ้าพิธี ส่วนสนนราคาในการเป็นเจ้าพิธีนั้น ทราบว่าใน จ.นครศรีธรรมราช เดิมทีมงานจะคิดในราคาหลักแสน แต่ถ้าเดินทางข้ามภาคจะคิดถึงหลักล้าน สร้างรายได้ให้ทีมงานอย่างมหาศาล


 ขณะที่ หลวงหนุ่ย กล่าวว่า

ได้รับการแจ้งเตือนจากพระชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในการใช้อาวุธช่วงเป็นเจ้าพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพจริง แต่อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่า พิธีกรรมดังกล่าวคล้ายเป็นการบูชาและระลึกถึงครูบาอาจารย์หรือเทวดาในช่วงทำพิธีมากกว่า ขณะเดียวกันยอมรับว่า การใช้อาวุธผิดวินัยทางสงฆ์อย่างมาก แต่ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง อีกทั้งไม่ได้จับอาวุธตลอด 24 ชั่วโมง แต่จะจับต้องเฉพาะที่อยู่ในช่วงพิธีเท่านั้น   

 "ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในช่วงที่เป็นเจ้าพิธีปลุกเสกนั้น อาตมาขอยอมรับผิดในทุกกระบวนการ แต่อยากให้ไปย้อนถามประชาชนที่ร่วมอยู่ในพิธีกรรมด้วยว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวอาตมาดำเนินการด้วยพลังแห่งศรัทธา และด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์แทบทั้งสิ้น ไม่มีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง และคงไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเป็นเจ้าพิธีได้" หลวงหนุ่ย กล่าว


หลวงหนุ่ย กล่าวอีกว่า

การดำเนินการปลุกเสกจตุคามรามเทพทุกรุ่น ทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ที่สำคัญคือ การรับกิจนิมนต์ตามคำเชิญของบรรดาญาติโยมให้ช่วยเป็นเจ้าพิธีให้นั้น ยืนยันว่าต้องการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมมากกว่า ไม่คิดว่าจะมีกระแสออกมาต่อต้านเกี่ยวกับพฤติกรรมในช่วงที่เป็นเจ้าพิธีในลักษณะเช่นนี้ 


 "ทุกๆ กิจนิมนต์ที่ติดต่อให้อาตมาช่วยเป็นเจ้าพิธีในการปลุกเสกจตุคามรามเทพตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศนั้น อาตมามองว่า ทุกอย่างเกิดจากแรงศรัทธาและเลื่อมใสในตัวอาตมาของบรรดากลุ่มญาติโยมที่เคารพมากกว่า

ส่วนกระแสที่ออกมา และคล้ายกับว่า

เป็นการจ้องจับผิด จนนำมาสู่การร้องเรียนต่อเจ้าคณะจังหวัด แล้วกลายเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมนั้น อาตมาเชื่อว่าน่าจะเกิดจากกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ในการจัดสร้างจตุคามรามเทพ ที่ไม่มีอาตมาเป็นเจ้าพิธีให้ แล้วองค์จตุคามฯ รุ่นที่สร้างก็ไม่ค่อยได้รับการตอบรับจากญาติโยมมากกว่า" หลวงหนุ่ย กล่าว


 พระครูใบฎีกาปรานพ ฐิตคนฺโธ กล่าวเพิ่มเติมว่า

รู้สึกน้อยใจต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ด้วยความบริสุทธิ์ใจและความตั้งใจที่จะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ก็จะดำเนินการตามกิจนิมนต์ที่ญาติโยมนิมนต์เชิญให้เป็นเจ้าพิธีในการปลุกเสกจตุคามฯ ต่อไป และขอยืนยันว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบกับกิจนิมนต์ในระยะยาว เพราะล่าสุดยังไม่มีการยกเลิก แถมยังมีการนิมนต์ให้เป็นเจ้าพิธีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปี 2551 ถูกนิมนต์ไปเป็นเจ้าพิธีตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศอีกมาก 

ที่สำคัญคือ

 " อาตมามองว่าการปลุกเสกจตุคามฯ ที่อาตมาดำเนินการอยู่นั้น สามารถทำให้ผู้คนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคีกันในทางอ้อมด้วยซ้ำ เพราะการเป็นเจ้าพิธีของอาตมาในแต่ละครั้งนั้นมีการปลุกเสกองค์จตุคามฯ หลายรุ่นในคราวเดียวกัน และมาจากหลายวัด จึงแสดงให้เห็นว่า การปลุกเสกจตุคามฯ แต่ละครั้ง ไม่ได้มีผู้ใดแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของ แต่ทุกคนกลับร่วมแรงร่วมใจกันเป็นจำนวนมาก เพียงเพื่อต้องการให้มีองค์จตุคามฯ เกิดขึ้น จากนั้นจะนำเงินที่ได้เป็นทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม" หลวงหนุ่ย กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์