ขยันเกินคนก็ไม่เชื่อ


นายซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทำตัวเป็นข่าวดังมาตลอด ทั้งเมื่อยามมีภรรยาสวย หรือเมื่อช่วงเลิกกับภรรยาคนเก่ามามีคนใหม่ที่สวยไม่แพ้กัน


แต่ช่วง 1-2 เดือนมานี้ก็ยิ่งทำตัวเป็นข่าวได้อีกแบบไม่หยุด เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐตกสะเก็ด ผู้นำมาดเข้มคนนี้เป็นคนวิ่งไปหาประธานาธิบดีอเมริกันถึงถิ่น เพื่อหาทางบรรเทาปัญหาที่กำลังก่อตัว ไม่ให้ลุกลามไปที่ยุโรปและกระทบสกุลเงินยูโร และไม่ใช่วิ่งไปตัวคนเดียวเสียด้วย แต่ยังดึงเอานายกรัฐมนตรีอังกฤษไปด้วยอีกคน ทั้งที่อังกฤษนั้นไม่ได้ใช้เงินยูโร


เมื่อกลับมาจากวอชิงตัน นายซาร์โกซีกับนายกฯ อังกฤษยังช่วยระดมต่อสายถึงผู้นำจีนและประเทศตะวันออกกลางรวยๆ ให้ช่วยกันเอาเงินมาค้ำไอเอ็มเอฟให้มั่นคง (เพื่อจะได้ช่วยเหลือประเทศต่างๆ ได้หากจะล้ม)


การในครั้งนั้นทำแต้มให้ผู้นำฝรั่งเศสคนนี้มากโข โดยเฉพาะที่ช่วงนี้ที่ฝรั่งเศสเป็นประธานสหภาพยุโรปอยู่


แต่การที่ท่านเป็นคนขยันสุดๆ ชนิดที่เรียกว่า "ไฮเปอร์แอ๊กทีฟ" วันนี้คนยุโรปเองโดยเฉพาะจากมุมมองของนักวิชาการ และนักการเมืองระดับหัวแถวของยุโรป ชักไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่านายซาร์โกซีเป็นคนขยันที่เก่งจริง หรือว่าเป็นนักสร้างภาพกันแน่



ธนาคารกลางยุโรปวิจารณ์ว่า การที่นายซาร์โกซีขยันเสนอนโยบายใหม่ทุกวันสองวัน นอกจากจะทำให้ชาวบ้านมีความคาดหวังสูงแล้วยังทำให้ทุกฝ่ายเริ่มเกิดคำถามว่าจะทำได้จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า


บางคนบอกไปไกลขนาดเปรียบนายซาร์โกซีว่าเป็น "นักมายากลที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้า" ซึ่งแปลว่าไม่มีทางที่จะเสกเอากระต่ายออกมาจากหมวกหรือเสื้อคลุมได้


ข้อเสนอเด็ดๆ ของนายซาร์โกซี ก็เช่น การเสนอมาตรการปกป้องไม่ให้ธุรกิจใหญ่ๆ ที่หุ้นกำลังร่วงเอาๆ ถูกช้อนซื้อโดยต่างชาติ การปรามไม่ให้บริษัทปลดคนงานแบบชุ่ยๆ เพื่อลดการขาดทุน หรือการสนับสนุนให้มีการจ้างงานระยะสั้นให้ง่ายขึ้น รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการทำงานวันอาทิตย์ให้มากขึ้น


ในเรื่องใหญ่กว่านี้ก็เช่น การเสนอให้ลดบทบาทของคณะกรรมาธิการยุโรปลง และเพิ่มความสำคัญให้กับรัฐสภายุโรป รวมทั้งผู้นำยุโรปทั้งหมดให้มากขึ้น



ข้อเสนอต่างๆ เหล่านี้หลายเรื่องคนมองว่าดี แต่บางเรื่องก็ถูกมองว่าเสนอขึ้นมาเพื่อเพิ่มสีสันให้ตนเอง หรือหากจะมากกว่านั้นก็คือสร้างความสำคัญให้กับฝรั่งให้มากขึ้น


โดยเฉพาะธนาคารกลางยุโรปนั้นมองทะลุสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังว่า จริงๆ แล้วนายซาร์โกซีคงต้องการปลดล็อกเรื่องที่ห้ามสมาชิกสหภาพยุโรปขาดดุลเกิน 3% ของจีดีพี เพราะอาการของฝรั่งเศสนั้นกำลังแย่


ส่วนประเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆ ก็ชักลังเลกับนโยบายรายสองวันของฝรั่งเศสมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะชอบเสนอเรื่องต่างๆ แบบไม่ให้คนอื่นรู้ตัวล่วงหน้า ซึ่งไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติของชาวยุโรปที่ต้องหันไปปรึกษาเพื่อนพ้องก่อน


บางคนเลยวิจารณ์ว่านี่คือนิสัยเดิมๆ ของพวกฝรั่งเศส คือชอบทำอะไรแบบไม่สนชาวบ้าน อีกส่วนหนึ่งก็สวดว่า นายซาร์โกซีนั้นไม่ปกติ เพราะเป็นโรคไม่ยอมให้ความสำคัญกับผู้อื่นเนื่องจากคิดว่าตนเองเป็นมหาอำนาจ


ฟังแล้วก็เสียวๆ อยู่ เพราะที่บ้านเรามีคนนิสัยแบบนายซาร์โกซีเยอะเลย คือคิดว่าตนเองเป็นใหญ่ ไม่ต้องฟังใคร และนำเสนอเรื่องต่างๆ ทุกสัปดาห์จนคนสับสนไปหมดว่าแท้จริงท่านเหล่านั้นต้องการอะไร

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์