ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กเสี่ยงตับไตพัง เติมสารกันบูดเกินมาตรฐานอื้อ

ผลวิจัยชี้เส้นก๋วยเตี๋ยวมหาภัย เติมสารกันบูดเกินมาตรฐานอื้อ


โดยเฉพาะเส้นเล็ก เส้นหมี่ เสี่ยงตับไตพัง เผยบะหมี่เหลือง-วุ้นเส้นปลอดภัยกว่า แนะผู้ประกอบการอย่าโลภผลิตขายข้ามจังหวัดจนต้องใส่สารกันบูดจำนวนมาก


เส้นก๋วยเตี๋ยวที่เป็นที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลายนั้น ล่าสุดมีผลวิจัยออกมาว่า

มีการใช้สารกันบูดเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งส่งผลต่อตับและไตของผู้บริโภค เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่อาคารอิมแพ็ค คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี ในการประชุมวิชาการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 15 ประจำปี 2550 มีการนำเสนอผลการวิจัย “ความปลอดภัยในเส้นก๋วยเตี๋ยว ในเขตภาคอีสาน” ซึ่งดำเนินการวิจัยโดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลราชธานี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เขต 14


ภญ.วรวิทย์ กิตติวงสุนทร ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลราชธานี กล่าวว่า

ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารที่คนไทยนิยมบริโภค และเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด ทำให้มีการแข่งขันทางการตลาดสูง จากก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่เป็นเส้นสดที่ค้างหลายวันไม่ได้ ผู้ประกอบการมีการเติมสารกันบูด หรือสารกันเสียเพื่อยืดอายุเส้นก๋วยเตี๋ยวทำให้ยืดระยะเวลาการจำหน่าย ซึ่งสารกันบูดที่นิยมใช้คือ กรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิก ถ้าร่างกายได้รับปริมาณสูงเป็นเวลานานจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตลดลง ดังนั้น คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานอาหารสากล (Codex) ได้กำหนดให้ใช้กรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม


ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลราชธานี กล่าวว่า


ตอนแรกมีการสำรวจเฉพาะใน จ.อุบลราชธานี พบว่าใช้กรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิกในปริมาณเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จึงสำรวจในพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติม โดยเก็บตัวอย่างเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีแหล่งผลิตและจำหน่ายในเขต 14 ได้แก่ จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร และศรีสะเกษ ระหว่างเดือนมีนาคม-กันยายน 2549 จำนวน 92 ตัวอย่าง แบ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก เส้นใหญ่ 11  ตัวอย่าง เส้นหมี่ 3 ตัวอย่าง เส้นบะหมี่ 8 ตัวอย่าง กวยจั๊บเส้นใหญ่ 5 ตัวอย่าง กวยจั๊บเส้นเล็ก 4 ตัวอย่าง วุ้นเส้นและวุ้นเส้นสด 24 ตัวอย่าง บะหมี่โซบะ 2 ตัวอย่าง เส้นแก้ว 1 ตัวอย่าง หมี่ซั่ว 3 ตัวอย่าง หมี่เตี๊ยว 2 ตัวอย่าง บะหมี่หยก 4 ตัวอย่าง บะหมี่ฮกเกี้ยนดิบ 1 ตัวอย่าง ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้ง 4 ตัวอย่าง เส้นใหญ่แห้ง 2 ตัวอย่าง และก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ 3 ตัวอย่าง 

ภก.วรวิทย์ กล่าวต่อว่า

ผลการตรวจวิเคราะห์พบปริมาณกรดเบนโซอิกตั้งแต่ 1,079-17,250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และเมื่อเทียบกับปริมาณที่กำหนดกรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวตามมาตรฐานสากล พบตัวอย่างเกินเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 34 ตัวอย่าง ในตัวอย่างก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 12 ตัวอย่าง เส้นใหญ่ 9 ตัวอย่าง เส้นหมี่ 3 ตัวอย่าง กวยจั๊บเส้นใหญ่ 5 ตัวอย่าง กวยจั๊บเส้นเล็ก 4 ตัวอย่าง และบะหมี่โซบะ 1 ตัวอย่าง โดยก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กพบปริมาณกรดเบนโซอิกสูงสุด 17,250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และพบว่าเป็นตัวอย่างจากแหล่งผลิตภาคอีสานจำนวน 26 ตัวอย่าง และแหล่งผลิตนอกภาคอีสานจำนวน 8 ตัวอย่าง ทุกตัวอย่างไม่พบกรดซอร์บิกแต่อย่างใด


ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กพบปริมาณกรเบนโซอิกสูงสุด 17,250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

รองลงมาเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ 7,825 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม กวยจั๊บเส้นใหญ่ 7,358 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม กวยจั๊บเส้นเล็ก 6,305 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม บะหมี่โซบะ 4,593 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 4,230 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม” ภก.วรวิทย์ กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์