กรรมการมหาเถรฯปรามพระให้สำรวมหยุดวัดพุทธพาณิชย์

กรรมการมหาเถรฯออกโรงปรามวัดกลายเป็นแหล่งพุทธพาณิชย์-เตือนพระสงฆ์สำรวมอยู่ในสมณสารูป
 
ด้านสำนักพุทธฯ เร่งตรวจสอบฐานะหลวงปู่ชื่อดัง ที่ไปที่มาเงินบริจาค-ภาพเหมือนสงฆ์นอนกับผู้หญิง หากเป็นความจริง ถือว่าทำผิดพระธรรมวินัย มีโทษถึงขั้นให้สึก

วันนี้(18มิ.ย.)สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) กล่าวว่า

กรณีที่ประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับพระนั่งเครื่องบินเจ็ตและสะสมรถหรูว่า ต้องไปศึกษาว่าเป็นเครื่องบินของพระหรือโยมจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบให้ดี แต่ถ้าดูเกินฐานะความเป็นพระก็ดูไม่ดี ซึ่งเรื่องการสำรวมหรือสังวร มีอยู่ในพระวินัยอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันสังคมเจริญในเรื่องวัตถุมากขึ้นจึงไหลเข้ายังวัด อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ความเป็นพระต้องอยู่ในความพอดี ดังนั้น พระเมื่อเห็นว่า ของที่ถวายเกินความพอดีของพระ เช่น รถหรู ก็สามารถปฏิเสธได้ สำหรับประชาชนมองว่าทุกวันนี้ วัดหลายแห่งกลายเป็นพุทธพาณิชย์ นั้น จะต้องดูในหลายองค์ประกอบ บางวัดทำเพื่อนำปัจจัยมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งมหาเถรสมาคม คงจะไม่มีออกระเบียบอะไร เนื่องจากพระวินัยได้กำหนดให้พระ หรือวัดอยู่ในความพอดี พอเพียงอยู่แล้ว หากวัดใดทำเกินความพอดี ก็ควรที่ต้องปรับปรุงให้ประชาชนเห็น จึงขอฝากเตือนพระสงฆ์ และวัดทั่วประเทศ ให้ยึดพระธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง ดำรงตนสำรวมอยู่ในสมณสารูป ส่วนจะมีการนำเรื่องนี้หารือในที่ประชุมมส.หรือไม่นั้น ต้องดูว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ เพื่อได้หาแนวทางแก้ไข ในการสร้างศรัทธาให้ประชาชนต่อไป

กรรมการมหาเถรฯปรามพระให้สำรวมหยุดวัดพุทธพาณิชย์

ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า
 
กรณีที่มีภาพหลวงปู่เณร ฉัตติโก แห่งวัดป่าขันติธรรม จ.ศรีษะเกษเผยแพร่ทางสื่อมวลชนนั้น เป็นการหาข้อเท็จจริงผ่านสื่อ ตนเพียงแต่บอกว่าเป็นพระในพื้นที่ เพราะฉะนั้นขณะนี้ทาง พศ.ยืนยันว่ายังไม่ได้เจาะจงว่าเป็นพระรูปใด เพียงแต่พูดในภาพรวมว่าพระที่เคยพบเห็นเราได้ดำเนินการแจ้งไปแล้วก็ถือว่าจบไปแล้ว เป็นการลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือน และย้ำไม่ให้พระรูปอื่นทำการเช่นนี้อีก และคงไม่ประสานให้ทางเจ้าคณะผู้ปกครองให้ว่ากล่าวตักเตือนอีก เพราะได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว แต่ถ้าท่านยังทำผิดอีกจะต้องเป็นกระแสที่ทางเจ้าคณะผู้ปกครองต้องทำอะไรสักอย่าง ขณะนี้ตนไม่ได้สั่งการให้ตรวจสอบบุคคลใด แต่ให้ยืนยันมติของมหาเถรสมาคม (มส.) กำชับให้พระทุกรูปต้องปฎิบัติตามระเบียบพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้นกระแสข่าวที่ไประบุพระองค์นั้นองค์นี้ ทาง พศ. ไม่อยากจะกล่าวถึง ขอพูดในภาพรวมจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากถึงการถวายสิ่งของพระสงฆ์ให้อยู่ในความพอดี เพราะแทนที่จะดีเดี๋ยวจะกลับกลายเป็นการทำร้ายมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากเกิดกระแสข่าวดังกล่าว ทางหลวงปู่เณรคำได้ติดต่อมาทาง พศ.หรือไม่ นายนพรัตน์ กล่าวว่า

ไม่มี คงไม่ใช่เฉพาะหลวงปู่ หลวงอาท่านไหน คงเป็นทั่วองค์ไหนที่มีปัญหาขึ้นมา พอท่านทราบว่าผิดต้องรู้โดยอัตโนมัติว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะกระบวนการของสงฆ์จะมีฝ่ายปกครองดูแลตักเตือน หากยังฝ่าฝืนหรือละเลย อาจจะมีการลงโทษรุนแรงมากกว่านี้ก็ได้ และทางหลวงปู่เณรคำก็ไม่จำเป็นต้องออกมาแถลงเรื่องนี้ ตนถือว่าไม่ใช่ความผิดร้ายแรงถึงขนาดที่ท่านจะต้องออกมาเหมือนกับเป็นนักโทษของสังคม ส่วนกรณีที่พำนักของหลวงปู่เณรคำที่ยังไม่ได้รับการรับรอง ผมขอชี้แจงว่าขณะนี้ยอมรับว่ายังมีปัญหาเรื่องที่พักสงฆ์อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเราจำเป็นต้องผ่อนผันก่อนเพราะว่าหากพระสร้างที่พักสงฆ์ ต่อไปท่านจะต้องมาขออนุญาตสร้างอย่างถูกต้อง และตั้งเป็นวัดขึ้นมา เราน่าจะได้ศาสนสถานเพิ่มขึ้น ดังนั้น การที่มีพระสร้างที่พักสงฆ์ในพื้นที่ขึ้นก็เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองจะต้องเป็นคนเข้มงวดเพราะมีระเบียบชัดเจนว่าหากพระไปอยู่ในที่ใด ระยะเวลาเท่าไหร่ จะต้องดำเนินการขออนุญาตให้ชัดเจน


ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พักสงฆ์ยังไม่ได้รับการอนุญาต และไม่มีฐานะเป็นวัด หรือเป็นนิติบุคคล
 
แต่กลับมีเรื่องพุทธพาณิชย์ หรือเรื่องเงินบริจาคที่ได้มาจำนวนมากจะตรวจสอบอย่างไร ผอ.พศ. กล่าวว่า ตามหลักการพระทุกรูปต้องมีสังกัด ท่านต้องมีใบสุทธิหรือบัตรประจำตัวพระ ต้องมีชื่อสังกัดวัดใดวัดหนึ่งอาจจะไม่ใช่วัดป่าขันติธรรม แต่อาจกำลังอยู่ระหว่างขออนุญาตจัดตั้งวัดป่าขันติธรรม เพราะฉะนั้นหลักฐานความเป็นมา ที่มาขอรายได้จะต้องตรวจสอบได้ การเป็นพระเวลาได้อะไรมาขณะที่เป็นพระจะต้องมีหลักฐานชัดเจน เพราะผู้ถวายอาจจะถวายให้แก่ตัวบุคคลหรือทางวัด ดังนั้น ท่านจะหลบเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว อย่างกรณีหลวงปูเณรคำก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ตอนนี้ได้แจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ศรีษะเกษ ประสานกับเจ้าคณะผู้ปกครองตรวจสอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสถานภาพ สถานะการเงิน เพราะหากท่านไม่มี จะต้องชี้แจงว่าเพราะเหตุใด   

“ส่วนกรณีที่มีภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งนอนกับผู้หญิงนั้น เรื่องนี้มอบหมายให้นายวิรอด ไชยพรรณา ผู้อำนวยการ พศจ.ศรีสะเกษ ไปรวบรวบข้อมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งประสานกับเจ้าคณะปกครองให้ช่วยตรวจสอบด้วย ตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าภาพดังกล่าวคือหลวงปู่รูปที่กำลังเป็นข่าว ต้องนำภาพที่มีการกล่าวหามาเปรียบเทียบและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาดูว่าใช่หรือไม่ ตอนนี้มีเพียงกระแสข่าวว่าเป็นภาพตัดต่อ ขณะที่บางคนก็บอกว่าเป็นภาพที่เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตามหากเป็นภาพจริงก็ถือว่ามีความผิดถึงขั้นต้องสึกเพราะทำผิดพระธรรมวินัย ทั้งนี้เรื่องลักษณะนี้ต้องดำเนินการอย่างละเอียดอ่อน ซึ่งต้องปล่อยให้เจ้าคณะปกครองดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง” นายนพรัตน์ กล่าว

ผอ.พศ. ยังกล่าวถึงกรณีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม

มีชื่อติดบัญชีเป็นผู้ครอบครองรถหรูที่ต้องชี้แจงต่อดีเอสไอว่า รถของท่านจริงๆมีเพียงคันเดียว ที่เหลือลูกศิษย์เป็นคนนำรถมาประกอบ แล้วเอามาวางโชว์ไว้ที่วัด หากใครสนใจซื้อจะได้นำรายได้ถวายวัด ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่เจตนาดี ไม่ใช่เป็นการครอบครองหรือเป็นเจ้าของโดยหลวงพี่น้ำฝนแต่อย่างใด

นายเสถียร  วิพรมหา มหาเปรียญธรรมประโยค 5 (ป.ธ.5) ข้าราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

การใช้พาหนะใดๆ เพื่อกิจนิมนต์ของพระสงฆ์ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรูราคาแพงหรือเครื่องบินชนิดใดก็ตาม ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ภาพที่ปรากฏออกมาทางสื่อโซเชียลมีเดียของพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังขณะนั่งบนเครื่องบินเจ๊ทรูปนี้ ไม่ว่าท่านเองหรือพระเถระผู้ใหญ่ย่อมทราบดีว่ามีสมณจริยวัตรเหมาะสมหรือไม่อย่างไร เรื่องเหล่านี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันระมัดระวังเพราะพระพุทธศาสนามั่นคงอยู่ได้ด้วยศรัทธา หากพระภิกษุสงฆ์ก่อให้เกิดความเสื่อมศรัทธาเสียเองก็นับว่าเป็นเรื่องที่เสียหายมาก แม้ว่าอาจาระไม่เหมาะสมจะเป็นเพียงอาบัติเล็กน้อย แต่ก็ได้สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อภาพรวมของคณะสงฆ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อพระสงฆ์มีพระวินัยเป็นกรอบให้ดำเนินไปด้วยความงดงาม ก็ควรที่พระสงฆ์และฆราวาสต้องช่วยกันรักษากรอบที่ดีงามนี้ไว้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบภายในวัดป่าขันติธรรม พบว่ามีสนาม ฮ.อยู่บริเวณถนนเข้าวัดเป็นรูปเครื่องหมาย H

รวมทั้งทราบว่าหลวงปู่เณรคำจะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่วัดป่าขันติธรรมเป็นประจำนั้น ปรากฏว่าขณะนี้ในเว็บไซต์ต่างๆ มีการนำภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งลักษณะคล้ายหลวงปู่เณรคำลงมาจากเฮลิคอปเตอร์และมีประชาชนรอรับจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้จากตรวจสอบบริเวณประตูของเฮลิคอปเตอร์พบว่ามีชื่อของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยมีภาพและชื่อหลวงปู่เณรคำติดอยู่ด้วย

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์