กรมควบคุมมลพิษตรวจสอบข้าวสารเน่าในท้องเรือจมแม่น้ำเจ้าพระยา


             ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ว่า  เรือโยงบรรทุกทรายจำนวน  4  ลำ  ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา   ช่วงโค้งหัวแหลม   ต.ประตูชัย   อ.พระนครศรีอยุธยา  จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไม่ให้ท้ายเรือพ่วงลำที่  4  ไปกระแทกกับเรืออียู 46  ซึ่งบรรทุกข้าวสาร  30,000  กระสอบ  จำนวน  750  ตัน  ที่จมลงในบริเวณดังกล่าว  เนื่องจากท้ายเรือไปกระแทกกับตอม่อสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ต.ภูเขาทอง  อ.พระนครศรีอยุธยา   จนทำให้เรือรั่วและไถลไปกระแทกกับตลาดน้ำวัดท่าการ้อง  แล้วจมลงด้านหน้าวัดธรรมมาราม  เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การเดินเรือขนส่งสินค้าผ่านช่วงบริเวณดังกล่าว   คนขับเรือโยงจะต้องขับเรือให้ชิดริมตลิ่งฝั่งตะวันตก  แล้วมีเรือโยงอีกลำดึงด้านท้าย  เพื่อประคองไม่ให้ขบวนเรือพ่วงทั้งหมดเข้าใกล้เรือที่จม  และพบว่าการใช้เวลาเพิ่มในการเดินเรือผ่านช่วงตรงนี้ด้วยความระมัดระวัง

 นาวาโทรชต ผกาฟุ้ง  หัวหน้าสำนักงานเจ้าท่า  สาขาอยุธยา   กล่าวว่า  เบื้องต้นเจ้าท่า  ได้มีการนำทุ่นสีแดง  ไปวางไว้ในจุดที่เกิดเรือล่ม  เพื่อเป็นสัญลักษณ์อันตราย  และให้คนขับเรือขนส่งสินค้าผ่านช่วงดังกล่าวมองเห็นอย่างชัดเจน   โดยการกู้เรือที่ล่มยังไม่สามารถทำได้  เพราะกระแสน้ำค่อนข้างแรง  คงต้องรอให้น้ำลดระดับลงมากกว่านี้ก่อน

    อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้   ผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมมลพิษ   จะเดินทางมายังจุดดังกล่าว  เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำ  ว่าข้าวสารจำนวนมากจะเน่าเสีย  จนทำให้สัตว์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลอยตาย เหมือนเรือน้ำตาลล่มเมื่อหลายปีก่อนแม่น้ำเจ้าพระยาเขต จ.อ่างทองหรือไม่



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์