WHO ยินดีศิริราช ผลิตแอนติบอดีพัฒนาวัคซีนสกัดอีโบลา ขอร่วมทดสอบ

WHO ยินดีศิริราช ผลิตแอนติบอดีพัฒนาวัคซีนสกัดอีโบลา ขอร่วมทดสอบ


WHO ยินดีศิริราช 
ผลิตแอนติบอดีพัฒนาวัคซีนสกัดอีโบลา ขอร่วมทดสอบกับเชื้อจริง


 วันที่ 3 ต.ค. ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้แถลงความสำเร็จการวิจัยแอนติบอดี เพื่อพัฒนาเป็นวัคซีนสกัดเชื้ออีโบลาไปแล้วนั้น ได้รับอีเมล์จาก Dr. Martin Friede หัวหน้าโครงการวิจัยอีโบลาขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งส่งมายินดีในความสำเร็จของประเทศไทยในการพัฒนาในครั้งนี้ และได้ประสานเพื่อขอร่วมทำการทดลองในขั้นต่อไปร่วมกับศิริราช โดยจะนำวิธีที่ศิริราชได้คิดค้นขึ้น ไปทดสอบกับเชื้อไวรัสจริงในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 4 ในสหรัฐอเมริกา หากสามารถทดสอบแล้วพบว่ามีประสิทธิภาพสามารถยับยั้งโรคอีโบลาได้ตามทฤษฎีและการวิจัยในห้องปฏิบัติการ ก็จะนำไปสู่ขั้นตอนการพัฒนาเพื่อรักษาผู้ติดเชื้อจริงๆ ทันที เพราะปัจจุบันสถานการณ์การระบาดถือเป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการทดลองในสัตว์ลงด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะทำเรื่องรวบรวมเอกสารที่จำเป็น ตัวอย่างของแอนติบอดีที่ศิริราชพัฒนาได้ รวมทั้งให้ทีมนักวิจัยของไทยบางส่วนไปร่วมทดสอบในสหรัฐอเมริกาได้ภายใน 2-3 สัปดาห์หน้า

 ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า สำหรับการสร้างห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 4 ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยระดับสูงสุดอย่างน้อยๆ 1 แห่ง โดยอาจจะให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ. เป็นหน่วยงานหลักในการทำสร้างห้องปฏิบัติการชีวะนิรภัยระดับ 4 เพื่อเป็นศูนย์กลางของประเทศ เนื่องจากห้องปฏิบัติการที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมดตอนนี้ระดับความปลอดภัยสูงสุดมีเพียงแค่ระดับ 3 เท่านั้น ส่วนตัวอยากให้รัฐบาลหันมาสนใจเรื่องนี้ให้มากกว่านี้ให้มากขึ้น 

 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการตรวจวิเคราะห์เชื้อโรคอันตราย โดยเฉพาะเชื้อไวรัสอีโบลาที่กำลังระบาดหนักในทวีปแอฟริกาตะวันตกนั้น ผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับเชื้อมากที่สุด คือ เจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุข จึงได้อนุมัติงบประมาณ ประมาณ 12 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องมือวินิจฉันโรคติดเชื้อร้ายแรงระบบปิด 1 เครื่อง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เพราะสามารถป้องกันเชื้อโรคไม่ให้แพร่กระจาย และป้องกันการติดต่อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเข้ามาถึงประเทศไทยภายใน 2 เดือนนี้ 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์