เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า
ได้เดินทางไปยังวัดร้างข้างสำนักงานเทศบาลศาลาแดง ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง หลังทราบว่าเป็นวัดร้างโบราณที่มีอายุหลายร้อยปี ที่ทางสำนักงานเทศบาลศาลาแดงดูแลอยู่ เมื่อไปถึงพบวัดร้างแห่งนี้ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ข้างๆ สำนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดง หมู่ที่ 4 ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง มีลักษณะเป็นโบสถ์ร้างโบราณ
หากมองไปในระยะไกล อาจคิดว่ามีแต่ต้นโพธิ์ขึ้นอยู่ 4 ต้นเท่านั้น
แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบว่าบริเวณโคนต้นโพธิ์ ที่แท้เป็นโบสถ์ร้างโบราณ ที่สร้างเป็นห้องไว้ จำนวน 3 ห้อง ประตูโบสถ์อยู่ด้านข้าง พอเดินเข้าไปภายในโบสถ์โบราณก็พบพระบูชาหลวงพ่อแก่น แต่พอเข้าห้องใหญ่ก็พบพระประธานองค์ใหญ่ 1 องค์ และอีก 2 องค์มีขนาดย่อมลงมาอีก โดยองค์ใหญ่ คือ หลวงพ่อวันดี ส่วนอีก 2 องค์ ไม่มีชื่อ
ส่วนโบสถ์ดังกล่าวนี้ไม่มีหลังคาแล้ว ส่วนกำแพงโบสถ์ก็อยู่ในสภาพที่เก่าแก่มาก
ตั้งอยู่ได้ก็เพราะได้รากต้นโพธิ์ทั้ง 4 ต้น คอยยึดไว้ทั้งหลัง ซึ่งรากโพธิ์ได้ยึดแน่นมาก ทำให้โบสถ์โบราณที่มีสภาพเก่าแก่นั้นดูแข็งแรงขึ้นมาเพราะได้รากต้นโพธิ์ยึดไว้ คงหาโอกาสที่จะพังลงมายากแล้ว และเมื่อได้ตรวบสอบอีกก็พบว่าในห้องหนึ่งของโบสถ์ต้องเดินไปด้านข้างจึงจะเข้าห้องได้ ซึ่งน่าจะเป็นโบสถ์สมัยโบราณก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มีพระภิกษุอยู่เลย มีเพียงพนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดงทำความสะอาดเก็บกวาดให้เรียบร้อยเท่านั้น
จากการสอบถาม นายสหัส เสมอเหมือน สมาชิกเทศบาลตำบลศาลาแดง กล่าวว่า โบสถ์ร้างที่เห็นนี้เป็นโบสถ์ร้างโบราณที่มีอายุหลายร้อยปี
อยู่ในบริเวณเดียวกับสำนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดง ซึ่งขณะนี้ทางเทศบาลคอยดูแลอยู่ โบสถ์หลังนี้ไม่มีหลังคาแล้ว อาศัยร่มเงาของต้นโพธิ์แทน แต่ตัวโบสถ์นั้นไม่น่าจะพังลงมาได้ เพราะมีรากของต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ จำนวน 4 ต้น คอยยึดตัวโบสถ์เอาไว้
นายสหัส กล่าวต่อว่า โบสถ์โบราณนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านจะเรียกกันว่าของวัดสังกระต่าย สมัยโบราณ
ซึ่งประวัติวัดสังกระต่ายไม่มีใครทราบว่าสร้างมาสมัยอะไร แต่ดูจากศิลปะแล้วน่าจะสร้างก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยาประมาณ 400 กว่าปีที่แล้ว และบริเวณที่วัดสังกระต่ายมีอยู่ประมาณ 6 กว่าไร่ ปัจจุบันเนื้อที่วัดสังกระต่ายทางพุทธศาสนาได้ให้ทางชาวบ้านและ เทศบาลตำบลศาลาแดงเช่าหมดแล้ว และได้ยกให้เทศบาลศาลาแดงเป็นผู้ดูแล ซึ่งต้นโพธิ์ 4 ต้น ได้คลุมไว้หมดแล้ว แน่นมากทำให้โบส์ถแน่นหนาคงไม่พังทลายลงมา
นายเดชา ก่อเกิด ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า
วัดสังกระต่ายเป็นวัดร้างมานานโดยไม่มีประวัติเก่า แต่มีเนื้อที่มีอยู่ 6 ไร่กว่าๆ ซึ่งได้ทำประโยชน์แก่ศาสนาโดยให้เช่าทั้งประชาชนและทางเทศบาลตำบลศาลาแดง เว้นตัวโบส์ถวัดสังกระต่ายไม่ได้ให้เช่า แต่ให้เทศบาลตำบลสาลาแดงดูแล ในส่วนต้นโพธิ์ 4 ต้นที่โตแล้วก็คลุมโบสถ์ทั้งหมดนั้น มีมานานแล้วและรากของต้นโพธิ์ได้ชอนไชเข้าตัวโบสถ์แน่นหนาและต้นโพธิ์เจริญเติบโตมากดูแล้วเป็นศิลปะสวยงามมาก
แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบว่าบริเวณโคนต้นโพธิ์ ที่แท้เป็นโบสถ์ร้างโบราณ ที่สร้างเป็นห้องไว้ จำนวน 3 ห้อง ประตูโบสถ์อยู่ด้านข้าง พอเดินเข้าไปภายในโบสถ์โบราณก็พบพระบูชาหลวงพ่อแก่น แต่พอเข้าห้องใหญ่ก็พบพระประธานองค์ใหญ่ 1 องค์ และอีก 2 องค์มีขนาดย่อมลงมาอีก โดยองค์ใหญ่ คือ หลวงพ่อวันดี ส่วนอีก 2 องค์ ไม่มีชื่อ
ส่วนโบสถ์ดังกล่าวนี้ไม่มีหลังคาแล้ว ส่วนกำแพงโบสถ์ก็อยู่ในสภาพที่เก่าแก่มาก
ตั้งอยู่ได้ก็เพราะได้รากต้นโพธิ์ทั้ง 4 ต้น คอยยึดไว้ทั้งหลัง ซึ่งรากโพธิ์ได้ยึดแน่นมาก ทำให้โบสถ์โบราณที่มีสภาพเก่าแก่นั้นดูแข็งแรงขึ้นมาเพราะได้รากต้นโพธิ์ยึดไว้ คงหาโอกาสที่จะพังลงมายากแล้ว และเมื่อได้ตรวบสอบอีกก็พบว่าในห้องหนึ่งของโบสถ์ต้องเดินไปด้านข้างจึงจะเข้าห้องได้ ซึ่งน่าจะเป็นโบสถ์สมัยโบราณก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มีพระภิกษุอยู่เลย มีเพียงพนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดงทำความสะอาดเก็บกวาดให้เรียบร้อยเท่านั้น
จากการสอบถาม นายสหัส เสมอเหมือน สมาชิกเทศบาลตำบลศาลาแดง กล่าวว่า โบสถ์ร้างที่เห็นนี้เป็นโบสถ์ร้างโบราณที่มีอายุหลายร้อยปี
อยู่ในบริเวณเดียวกับสำนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดง ซึ่งขณะนี้ทางเทศบาลคอยดูแลอยู่ โบสถ์หลังนี้ไม่มีหลังคาแล้ว อาศัยร่มเงาของต้นโพธิ์แทน แต่ตัวโบสถ์นั้นไม่น่าจะพังลงมาได้ เพราะมีรากของต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ จำนวน 4 ต้น คอยยึดตัวโบสถ์เอาไว้
นายสหัส กล่าวต่อว่า โบสถ์โบราณนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านจะเรียกกันว่าของวัดสังกระต่าย สมัยโบราณ
ซึ่งประวัติวัดสังกระต่ายไม่มีใครทราบว่าสร้างมาสมัยอะไร แต่ดูจากศิลปะแล้วน่าจะสร้างก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยาประมาณ 400 กว่าปีที่แล้ว และบริเวณที่วัดสังกระต่ายมีอยู่ประมาณ 6 กว่าไร่ ปัจจุบันเนื้อที่วัดสังกระต่ายทางพุทธศาสนาได้ให้ทางชาวบ้านและ เทศบาลตำบลศาลาแดงเช่าหมดแล้ว และได้ยกให้เทศบาลศาลาแดงเป็นผู้ดูแล ซึ่งต้นโพธิ์ 4 ต้น ได้คลุมไว้หมดแล้ว แน่นมากทำให้โบส์ถแน่นหนาคงไม่พังทลายลงมา
นายเดชา ก่อเกิด ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า
วัดสังกระต่ายเป็นวัดร้างมานานโดยไม่มีประวัติเก่า แต่มีเนื้อที่มีอยู่ 6 ไร่กว่าๆ ซึ่งได้ทำประโยชน์แก่ศาสนาโดยให้เช่าทั้งประชาชนและทางเทศบาลตำบลศาลาแดง เว้นตัวโบส์ถวัดสังกระต่ายไม่ได้ให้เช่า แต่ให้เทศบาลตำบลสาลาแดงดูแล ในส่วนต้นโพธิ์ 4 ต้นที่โตแล้วก็คลุมโบสถ์ทั้งหมดนั้น มีมานานแล้วและรากของต้นโพธิ์ได้ชอนไชเข้าตัวโบสถ์แน่นหนาและต้นโพธิ์เจริญเติบโตมากดูแล้วเป็นศิลปะสวยงามมาก
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
