จ่อออกหมายเรียกสอบ เปมิกา เบี้ยวกองปราบฯ

ไม่มาให้ปากคำหา สารอีเฟดรีน


กองปราบฯ เตรียมออกหมายเรียก เปมิกา มาสอบปากคำในฐานะพยานกรณีพบสารอีเฟดรีนในตัว "หมอเผ่า" หลังเบี้ยวนัดวันแรก ปล่อยตำรวจคอยเก้อ ผบก.ป.ยัน วันนี้เป็นสิทธิของเจ้าตัวที่จะไม่มาพบ

เอแบคโพลล์ ชี้คนหนุน พ.ร.บ.สุขภาพจิต เผยคนเข้าใจว่า


คนโรคจิต" คือ "คนบ้า" ด้านแพทย์เจ้าของไข้หวัง "หมอเผ่า" หายขาด แต่ไม่บอกว่าอีกนานแค่ไหน เปรยถ้าคนไข้พร้อมกลับไปทำงานก็คงได้เห็น

นักกฎหมายสงสัย ตร.กระตือรือร้นผิดปกติ


ระบุสังคมสับสนคนไข้โรคจิต ผอ.ศรีธัญญา พ้อถูกหาว่ารับเงิน 10 ล้าน ด้านราชวิทยาลัยจิตแพทย์ฯ เสนอเปลี่ยนวิธีรับคนไข้โรคจิตที่ใส่สูท ผูกไท แต่งหน้าสวยงาม ต้องทำอย่างรัดกุม

กรณี "เดลินิวส์" เสนอข่าว "หมอประกิตเผ่า" ยังคงมีประเด็นทางสังคมอย่างต่อเนื่อง


โดยที่กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 15 มี.ค. มีการเสวนาเรื่อง "กฎหมายและการดูแลผู้ป่วยทางจิต" โดย นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวในการเสวนาตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่ทำงานด้านสุขภาพจิตมา กรณี นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ถือเป็นกรณีแรกที่จิตแพทย์ถูกผู้ไม่ใช่ญาติผู้ป่วยฟ้องร้อง

โดยส่วนตัวเห็นว่า

โรคจิตเป็นโรคที่ท้าทายผู้เชี่ยวชาญ เพราะเป็นโรคเดียวที่ผู้ป่วยจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ป่วย ทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายได้ และจากละครเรื่อง "ลมหวน" ที่เนื้อเรื่องนำคนไม่ได้ป่วยมากักขัง ทำให้สังคมมองว่า เป็นการกระทำเลียนแบบละคร

ละครเรื่องนี้ยังอีกยาว คงต้องจับตาดูกันต่อไป


ยืนยันว่าทาง รพ.ศรีธัญญา และกรมสุขภาพจิต คงไม่ไปฟ้องร้อง แต่จะทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1-2 นาย ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลเสียหาย ขณะนี้ได้อัดเทปคำให้สัมภาษณ์ต่าง ๆ เอาไว้แล้ว"

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวและว่า


สำหรับอาการของ นพ. ประกิตเผ่า เท่าที่ได้รับรายงาน ขณะนี้ดีขึ้นมาก ญาติและลูก ๆ เข้าเยี่ยมได้แล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการรักษา ซึ่งจะได้พูดคุยกับญาติว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนรายละเอียดคงต้องถามแพทย์เจ้าของไข้

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.รพ.ศรี ธัญญา


ในฐานะอุปนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นประสบ การณ์ใหม่ในชีวิตของตน ยืนยันว่าการดำเนินการของโรงพยาบาลจิตเวชจะยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เพราะหากทางโรงพยาบาลยอมปล่อยผู้ป่วยตั้งแต่แรก ที่มีการระบุว่าเป็นการคุมขังผู้ป่วยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาก็จบไป แต่ที่ไม่ปล่อยเพราะเห็นว่าผู้ป่วยรายนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษา หากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และคนในครอบครัวได้ อีกทั้งผู้มาขอให้ปล่อยตัวไม่ใช่ญาติจึงปฏิเสธกลับไป ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคิดว่าโรงพยาบาลไม่ให้ความร่วมมือจึงฟ้องร้องต่อศาล และถูกลงข่าวต่อมา

ส่วนความคืบหน้ากรณีครอบครัวทมทิตชงค์


เข้าร้องเรียนกองปราบปรามให้ตรวจสอบหาที่มาของสารอีเฟดรีน ที่ตรวจพบในร่างกายของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของและผู้บริหารสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ว่า ในวันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญตัว น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต เพื่อนสาวคนสนิทของ นพ.ประกิตเผ่า เข้ามาให้ปากคำ แต่ตลอดทั้งวันทางน.ส.เปมิกา ก็ยังไม่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามแต่อย่างใด

พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.ป. กล่าวว่า


น.ส.เปมิกา มีสิทธิไม่มาได้ แต่หลังจากนี้จะติดต่อไปยังเจ้าตัวอีกครั้ง ส่วนกรณีการออกหมายเรียกนั้นอยู่ระหว่างพิจารณา สำหรับพยานปากอื่น ๆ อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนหากพบว่ามีพยานใดเกี่ยวข้องก็สอบปากคำไว้ อย่างไรก็ตามหาก น.ส.เปมิกา เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วก็จะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าครบทุกประเด็นหรือไม่ ถ้าให้การครบถ้วนแล้วคงไม่มีความจำเป็นต้องเรียกมาสอบสวนอีก

ด้าน พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป


ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กล่าวว่าเป็นสิทธิของพยานที่จะมาพบ หรือไม่ก็ได้ เพราะเป็นเพียงแค่หนังสือเชิญตัวเท่านั้น ส่วนขั้นต่อไปได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกตัวให้มาพบพนักงานสอบสวนในฐานะพยานเป็นครั้งแรกภายในสัปดาห์หน้า

ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสารอีเฟดรีน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวนได้ประสานกับอาจารย์แพทย์ตามสถาบันการศึกษา เพื่อขอสอบปากคำในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ ที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับสารอีเฟดรีนโดยละเอียดว่าเป็นสารชนิดใด มีคุณสมบัติอย่างไร และหากรับในปริมาณเท่าไรจึงจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือส่งผลต่อระบบประสาท หรือไม่อย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ในส่วนของพยานแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

จะต้องนำมาประกอบกับการสอบปากคำแพทย์ที่ทำการรักษา และคณะแพทย์คนกลางที่มาตรวจอาการเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้


พนักงานสอบสวนให้ความสำคัญกับการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพยานที่อยู่ใกล้ชิด นพ.ประกิตเผ่า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สอบปากคำภรรยา และคนในครอบครัว นพ. ประกิตเผ่า ไปแล้ว เหลือเพียง น.ส.เปมิกา ที่ยังต้องพยายามติดต่อประสานงานให้มาพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงให้ได้


อย่างไรก็ตาม นอกจากการติดตามพยานมาให้ปากคำแล้ว


ทางพนักงานสอบสวนยังได้ประสานกับแพทย์เจ้าของไข้ นพ.ประกิต เผ่า อยู่เป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการรักษาว่า นพ.ประกิตเผ่า หายจากอาการป่วยและพร้อมที่จะให้การหรือไม่ เพราะนพ.ประกิตเผ่า ถือเป็นผู้เสียหายโดยตรงที่จะทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ดีที่สุด.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์