ชี้ฟ้องน้องเป ต้องรอพิสูจน์เรื่องชู้สาว - จุฬาฯ ยันยังไม่เอาผิดวินัย

สภาทนายฯแจง


ฟ้อง "เปมิกา" ต้องพิสูจน์ชู้สาวให้ศาลเห็นจริง ด้านรองอธิการบดี จุฬาฯ เผยยังไม่เอาผิดวินัย รอศาลชี้ขาด หากผิดจริงตั้งทีมสอบ เชื่อไม่กระทบภาพลักษณ์สถาบัน

ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง เลขาธิการสภาทนายความ


กล่าวถึงพฤติการณ์การกระทำของหญิงที่ลักลอบเป็นชู้กับสามีหญิงอื่นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ วรรค 2 ระบุว่า สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ล่วงเกินภริยาในทำนองชู้สาวก็ได้ และภรรยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้ อย่างไรก็ตามถ้าสามีหรือภรรยายินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้อีกฝ่ายหนึ่งมีการกระทำในทำนองชู้สาว สามีหรือภรรยานั้นจะเรียกค่าทดแทนไม่ได้


สำหรับกรณีที่นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์


ได้มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ที่อ้างตัวเป็นเพื่อนสนิท นพ.ประกิตเผ่า เป็นจำเลยต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ฐานละเมิดเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนทำนองชู้สาวจำนวน 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องนั้นก็เป็นสิทธิตามกฎหมายของนางอลิสา


อย่างไรก็ตาม


นางอลิสาก็ต้องพิสูจน์ว่า น.ส.เปมิกา มีพฤติการณ์ในทำนองเข้าข่ายชู้สาวกับ นพ.ประกิตเผ่าให้ศาลเห็นจริง นอกจากนี้ยังจะต้องพิสูจน์อีกด้วยว่า จำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกจาก น.ส.เปมิกา เป็นค่าเสียหายส่วนใดบ้าง เสียหายเสื่อมเสียอย่างไรบ้าง ครอบครัวได้รับผลกระทบเดือดร้อนอย่างไร หากพิสูจน์ให้ศาลเห็นจริงได้ ศาลก็จะกำหนดค่าทดแทนให้โดยพิจารณาตามหลักเป็นจริง ซึ่งจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล


ด้าน ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


กล่าวถึงกรณีครอบครัวนายแพทย์ประกิตเผ่า ยื่นฟ้องแพ่ง น.ส.เปมิกา โดยเรียกค่าเสียหาย 27 ล้านบาท ฐานประพฤติตนโดยเปิดเผยเป็นชู้สามีบุคคลอื่นนั้นว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ได้พิจารณาหรือลงโทษเอาผิดกรณีน.ส.เปมิกาเรื่องระเบียบวินัยนิสิต เนื่องจากเราตอบไม่ได้ว่านิสิตมีพฤติกรรมเช่นนั้นจริง ศาลก็ยังไม่พิจารณา จะมาสรุปก่อนก็ไม่ได้ ตอนนี้เป็นแค่เพียงคำกล่าวหาการสรุปความก่อนจะไม่เหมาะสม

รองอธิการบดี กล่าวอีกว่า


เรื่องวินัยนิสิต หากศาลตัดสินว่าผิดจริงก็ต้องมาดูระเบียบมหาวิทยาลัยว่าจะถือเป็นความผิดในระดับใด และจะมีมาตรการลงโทษในระดับต่างกัน ซึ่งทางคณะจะตั้งคณะกรรมการกิจการนิสิตเป็นผู้พิจารณา จากนั้นคณะจะส่งเรื่องมายังมหาวิทยาลัย แต่ขณะนี้คณะยังไม่ตั้งกรรมการตรวจสอบวินัยแต่อย่างใด

คดีที่เกิดขึ้นกับนิสิตจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงมหาวิทยาลัยหรือไม่นั้น


ศ.ดร.เกื้อ กล่าวว่า การจะมองจุฬาฯในภาพใดนั้นเป็นความคิดเห็นของแต่ละบุคคล เราจะไปเปลี่ยนความเห็นเขาไมได้ แต่ส่วนตัวคิดว่า คน 1 คน กับนิสิตจุฬาฯกว่า 4 หมื่นคนในภาพรวม ที่เราเน้นความรู้คู่คุณธรรมมาตลอดจะไม่ได้รับการกระทบให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสีย แต่เราก็ไม่ได้ละเลย เพราะหากศาลตัดสินว่าผิดจริงมหาวิทยาลัยก็จะมีการตั้งกรรมการสอบ แต่ในเมื่อศาลยังไม่ตัดสินเราก็ไม่ควรไปตีความในทางลบซึ่งไม่เป็นการยุติธรรมต่อนิสิต

จะมีการนำเรื่องนส.เปมิกาเข้าหารือในการประชุมผู้บริหารประจำสัปดาห์ในวันที่ 14 มี.ค. หรือไม่นั้น


รองอธิการบดี กล่าวว่า ไม่ได้มีการบรรจุวาระในการประชุมเพราะแค่เรื่องในวาระก็มีมากจนเกรงจะประชุมไม่ทันอยู่แล้ว ยกเว้นแต่จะมีผู้บริหารคนใดยกเรื่องขึ้นมาพูดนอกรอบ ก็อาจจะคุยกันถึงความคืบหน้าและการเตรียมการรับสิ่งต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์