สื่อนอกตีข่าวพ่อเฒ่าตามหาพี่ชาย ลีกาชิง ยันไม่ได้หวังเงินทอง

พ่อเฒ่าชาวจีนวัย 80 ปี เจ้าของหอพักเมืองกรุงเก่า ขอบคุณ เดลินิวส์


ที่ช่วยเป็นสื่อกลางช่วยตามหาพี่ชาย ลีกาชิง มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของฮ่องกง สื่อต่างชาติแห่ร่วมตีแผ่ ชีวิตจริงดังนิยายของพ่อเฒ่าชาวจีน ไม่เว้นสื่อของไทย จองคิวนำไปออกรายการสยามทูเดย์ ทางช่อง 5 เจ้าตัวย้ำเจตนารมณ์เดิม จุดประสงค์ต้องการพบหน้าพี่ชาย ไม่ได้หวังทรัพย์สินเงินทอง แล้วเตรียมพาครอบครัว หอบน.ส.พ.เดลินิวส์ติดมือ บินเหินฟ้าไปเมืองจีน เยี่ยมเยียนครอบครัว กราบไหว้เคารพบรรพบุรุษ พร้อมเข้าเยี่ยมครอบครัวบุญธรรม เป็นการยืนยันการันตีว่าได้ตามหาพี่ตลอดเวลา แถมประกาศชัด หาก ลีกาชิง> ต้องการเจอหน้า ยินดีเดินทางไปพบทันที

จากกรณีนายย่งโป แซ่ลิ่ว อายุ 80 ปี เจ้าของหอพักจินเฮ็ง ใน จ.พระนครศรีอยุธยา


วอนฝากผ่าน นสพ.เดลินิวส์ ให้ช่วยเป็นสื่อกลาง เพื่อขอให้ได้พบหน้ากับนายลีกาชิง หรือนายหลี่เจียเฉิง พี่ชายแท้ ๆ ที่แยกย้ายกันไปตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากไม่ได้พบกันนานหลายสิบปี โดยในปัจจุบันทราบว่าพี่ชาย ได้รับการประกาศว่าเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของฮ่องกง มีฐานะร่ำรวยติดอันดับมหาเศรษฐีโลกด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า


ที่บริเวณร้านจินเฮ็ง ริมถนนอู่ทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านพักของนายย่งโป แซ่ลิ่ว ปรากฏว่า มีลูกหลานเดินทางมาเยี่ยมเยียนกันตลอดทั้งวัน เนื่องจากในวันนี้ มีบรรดาสื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ พากันมาสัมภาษณ์นายย่งโปกันอย่างเนืองแน่น


โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศหลายสำนัก


ได้มีการซักถามถึงจุดประสงค์ที่ออกมาต้องการพบนายลีกาชิง เพราะนายลีกาชิง เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นเศรษฐีหรือไม่ และส่วนใหญ่ยังถามว่าเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาหรือไม่

นายย่งโป



โดยในเรื่องนี้ นายย่งโป ได้ตอบกลับทันทีว่า


หลังจากที่แยกย้ายจากครอบครัวและต้องอยู่กับบิดาบุญธรรม จนกระทั่งได้มาอยู่ประเทศไทย ไม่ได้มีโอกาสพบหน้าพี่ชายและญาติคนอื่น ๆ อีก และเมื่อเห็นว่าตัวเองมีฐานะดีขึ้นจากการทำมาหากิน ทำให้สามารถสร้างฐานะได้ จึงจะทำสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้คือ การได้ออกติดตามหาญาติพี่น้อง ที่อยู่ในเมืองจีน และก็สามารถติดตามจนพบเกือบทุกคน


โดยพี่สาวคนโต มีอายุ 88 ปีแล้ว ตนเป็นคนที่ 4


ส่วนนายลีกาชิงเป็นคนที่ 2 ทุกคนสุขภาพแข็งแรงดี และได้เดินทางไปเยี่ยมพี่น้องที่ประเทศจีน จนทราบจากพี่สาวคนโตว่า เมื่อหลายสิบปีก่อน นายลีกาชิง ได้ปิดประกาศตามหาพี่น้อง และเคยมีคนนำประกาศฉบับนั้น ไปอ้างตัวว่าเป็นญาติพี่น้องนายลีกาชิง แต่เมื่อมีการตรวจสอบแล้วไม่ใช่ ทำให้นายลีกาชิงผิดหวังและไม่อยากจะติดต่อกับใครอีก ด้วยเหตุนี้เองทำให้ตนเป็นห่วงว่านายลีกาชิง ไม่อยากจะพบใครอีก

นายย่งโป กล่าวด้วยว่า


ต้องขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์อย่างมากที่นำเสนอเรื่องราวของตนและยืนยันว่าไม่ได้กุเรื่องขึ้นมา เพื่อหวังอะไรตอบแทน แต่อยากให้พี่ชาย ได้รู้ว่าน้องชายแท้ ๆ ยังอยากที่จะเจอหน้าพี่ชายอยู่ ก่อนที่จะไม่ได้พบหน้ากันอีก เนื่องจากอายุมากแล้ว และในวันที่ 26 มี.ค.นี้ จะเดินทางไปประเทศจีนอีกครั้งพร้อมด้วยลูกชายคนโต คือนายนิวัฒน์ แซ่ลิ่ว อายุ 54 ปีและนางฮั่งเกียว แซ่ไหล อายุ 77 ปี ภรรยา เพื่อไปไหว้บรรพบุรุษครอบครัวแท้ ๆ ที่เมืองฮุยไล้ และจะไปเยี่ยมครอบครัวบุญธรรมที่เมืองเตียะเอี๊ยะ ฮั่งเพ้งใกล้กับซัวเถา

คุณปู่ชาวจีน กล่าวด้วยว่า


สำหรับพ่อบุญธรรมของลีกาชิง อยู่ที่เมืองเฉาโจ ตนก็อาจจะเดินทางไปพบ และการเดินทางไปเยี่ยมญาติพี่น้องครั้งนี้ จะนำ นสพ.เดลินิวส์ไปให้ญาติพี่น้องได้ดูด้วย เพื่อให้รู้ว่าเราได้ตามหาลีกาชิงตลอดเวลา และคิดว่าหากลีกาชิง ทราบและรู้ว่ามีคนกำลังตามหา คงอยากจะพบเหมือนกัน ทั้งนี้ในช่วงค่ำวันเดียวกันนี้ จะเดินทางไปออกอากาศรายการสยามทูเดย์ ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ด้วย ขณะที่สถานีโทรทัศน์ในต่างประเทศ ได้มีการตรวจสอบข้อมูลและติดตามเรื่องนี้ด้วยความสนใจ โดยนายย่งโป กล่าวย้ำว่า หากนายลีกาชิงต้องการเจอตน ยินดีจะเดินทางไปพบทันที

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์