เชียงใหม่วิกฤติ! มลพิษ เต็มเมือง พื้นที่ เสี่ยงภัย เร่งแก้ไขด่วน!

เชียงใหม่ เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของภาคเหนือตอนบน


มีพื้นที่ประมาณ 20,107.057 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากรตามทะเบียนราษฎรถึง 1,666,035 คน เป็นชาย 819,287 คน หญิง 846,748 คน ยังไม่นับรวม ประชากรแฝง เข้ามาหากินนับไม่ถ้วนอีกกว่า 1,000,000 คน



เชียงใหม่ สถาปนาขึ้นในปี พ.ศ.1839


โดย พ่อขุนเม็งรายมหาราช ร่วมมือกับพระสหายคือ พ่อขุนงำเมือง เจ้าเมืองพะเยา และ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช แห่งกรุงสุโขทัย ทิศเหนือติดกับรัฐฉาน ประเทศพม่า ทิศตะวันออกติดกับ จ.ลำพูน ทิศตะวันตกติดกับ จ.แม่ฮ่องสอน และทิศใต้ติดกับ จ.ลำ พูน และบางอำเภอ ของ จ.ตาก ทำให้เชียงใหม่กลายเป็นศูนย์กลางของความเจริญ มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรองจากกรุงเทพมหานคร

การขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม


เมื่อมีคนอาศัยอยู่มาก เศรษฐกิจดี การค้าขายเจริญรุ่งเรือง ปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมเป็นพิษย่อมเกิดขึ้น ทั้งจากสภาพภูมิศาสตร์ของเชียงใหม่ที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา ทำให้ใจกลางเมืองโดยเฉพาะเขตเทศบาลมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ


พอเข้าสู่ฤดูร้อนหรือหน้าแล้งคราวใด มักเกิดปัญหาหมอกควันจากไฟป่า


ฝุ่นละอองจากการก่อสร้างและรวมไปถึงมลพิษทางอากาศที่เกิดจากท่อไอเสียรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกวัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้กลายเป็นมลพิษแผ่เข้าปกคลุมเมืองใหญ่เข้าขั้นวิกฤติ ที่เห็นชัดเจนคือ สภาพอากาศปิดจากหมอกควันลอยคลุมไปทั่วเมือง

ผศ.ดร.สมพร จันทระ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


กล่าวถึงผลการศึกษาโครงการวิเคราะห์หามลพิษในอนุภาคฝุ่นในจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้หัวข้อเรื่อง ความรุนแรงของปัญหาฝุ่นละอองในบรรยากาศและผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ฟังว่า จากการเก็บตัวอย่างฝุ่นละอองขนาด 10 ไมครอนและ 25 ไมครอน ระหว่างเดือน มิ.ย. 2548-มิ.ย. 2549 จากพื้นที่ตัวอย่าง 9 แห่งใน 3 อำเภอ

คือ อำเภอเมือง อำเภอแม่ริม อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่

มาตรวจสอบวิเคราะห์ทางเคมี พบว่าปริมาณฝุ่นที่ตรวจพบจากทุกแห่งเพิ่มสูงขึ้น เห็นได้ชัดเจนในช่วงฤดูแล้ง หรือช่วงระหว่างเดือน ธ.ค.-มี.ค.ทุกปี โดยในเขตอำเภอสารภีเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหามากที่สุด โดยมีปริมาณฝุ่นละอองสูงเป็นประวัติการณ์




นอกจากนี้ผลการตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี ยังพบอีกว่า


ในฝุ่นละอองที่เก็บตัวอย่างมาวิเคราะห์ มีสารประกอบประเภท พอลิไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน หรือ PAH (Polycyclic Aromatic Hydrocabon) หนึ่งในสารก่อมะเร็งปนเปื้อนอยู่ด้วยในปริมาณสาร PAH เฉลี่ยในฤดูแล้งมีมากกว่าฤดูฝน 1-2 เท่า เมื่อวิเคราะห์แหล่งกำเนิดของฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ข้อมูลที่น่าสนใจ โดยทุกพื้นที่มีลักษณะคล้ายกัน เป็นฝุ่นที่เกิดจากการเผาวัสดุอินทรีย์ เช่น กิ่งไม้ ใบไม้ รวมทั้งไอเสีย จากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ดีเซล

รศ.ดร.น.พ. พงศ์เทพ วิวรรธนะเดช อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


กล่าวถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองว่า หนึ่งปีเต็มของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณฝุ่นละอองในอากาศกับความจุปอดของผู้ป่วย 208 คน พบว่าวันใดที่ฝุ่นละอองในอากาศมีปริมาณสูง ส่งผลทำให้ความจุปอดหรือความสามารถในการหายใจนำออกซิเจนเข้าสู่ปอดของผู้ป่วยลดลงเห็นได้ ชัด ขณะเดียวกัน


การตรวจวิเคราะห์พบสารก่อมะเร็ง PAH ในฝุ่นละออง


ที่เก็บตัวอย่างในเชียงใหม่ ยังเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์มลพิษทางอากาศ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้คุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่น่าเป็นห่วงมาก โดยปริมาณสารก่อมะเร็งที่ตรวจพบสูงกว่าที่ตรวจพบในฝุ่นละอองทั่วไปของกรุงเทพมหานคร ดังนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งวางมาตรการป้องกัน แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศของ จ.เชียงใหม่ โดยเร็ว

นพ.สุรสีห์ วิศรุตรัตน์ รองสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า


ปัญหาควันฝุ่นละอองที่ปกคลุมจังหวัดเชียงใหม่นั้นหลัก ๆ คือ เป็นต้นเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ ต่าง ๆ ถ้าคนที่มีอาการของโรคนี้ ข้อแนะนำคือควรจะอยู่ในบ้านเป็นการป้องกันเบื้องต้น เด็ก เล็ก ๆ คนแก่ก็ไม่ควรออกจากบ้านในช่วงการจราจรติดขัดและรถเยอะ เพราะอาจได้รับผลจากมลพิษได้ ส่วนกรณีปัญหาการระคายเคืองฝุ่นละอองที่ตา ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ก็ควรจะสวมหมวกกันน็อกป้องกันไว้หรือใช้ผ้าปิดจมูกและปากก่อนออกจากบ้านเพื่อป้องกันตัวเอง

ขณะที่ นายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ หัวหน้าศูนย์ไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า


ปัญหาควันไฟป่าปกคลุมจังหวัดเชียงใหม่รวมกับมลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์รวมตัวกับความกดอากาศจากประเทศจีนปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือเป็นบริเวณกว้าง การเกิดหมอกควันจากไฟป่าในหลายพื้นที่ หมอกควันจากการใช้รถใช้ถนน การเผาขยะสารพิษรวมทั้งพื้นที่ในภาคเหนือส่วนใหญ่เป็นแอ่งกระทะ เมื่อมีควันอยู่ในอากาศก็จะลอยขึ้นสูง กระทบกับมวลอากาศหรือความกดอากาศที่ปกคลุมก็ทำให้ควันไปไหนไม่ได้ กลายเป็นหมอกควันปกคลุมไปทั่วเมือง

ซึ่งการป้องกันไฟป่าเบื้องต้นได้


มีการประชุมกับทางหน่วยงานฝ่ายปกครอง ปกครองท้องถิ่น มีการประชาสัมพันธ์ กับชาวบ้านในพื้นที่ป่าหรือใกล้เคียงให้งดใช้ไฟหรือเผาในพื้นที่ป่า เมื่อไปหาของป่า เพราะฤดูแล้งนี้อาจทำให้เกิดไฟป่าได้ง่าย หรือถ้ามีการเกิดไฟป่าขึ้นแล้ว หน่วยงานทั้งหมด 12 หน่วยที่ดูแลเรื่องไฟป่าของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 จ.เชียง ใหม่ ก็จะได้ให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเข้าไปดับแต่ถึงแม้จะดับได้แล้วแต่ควันจากไฟไหม้ก็ยังคงลอยสู่ชั้นบรรยากาศ อยากจะขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนที่จะไปทำกิจกรรมในป่าหรือท่องเที่ยวให้ระแวดระวังเรื่องการใช้ไฟในพื้นที่ป่า

ส่วน นายสุรพล ลีลาวโรภาส ผอ. ส่วนควบคุมการปฏิบัติการไฟป่า


สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า สถิติการเกิดไฟป่านั้นในภาคเหนือหรือจังหวัดเชียงใหม่เองมีอยู่ทุกวัน จากสถิติเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 50 วันเดียวมีไฟไหม้ในพื้นที่ป่าถึง 34 ครั้ง กินพื้นที่กว่า 188 ไร่ ยังไม่รวมการเผาป่าเผาไร่ของชาวบ้านและเกษตรกร การเผาขยะ การใช้เครื่องจักรต่าง ๆ

อีกสาเหตุหนึ่งที่เป็น ตัวการ สำคัญก็คือ


มลพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์และจักร ยานยนต์ที่เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็วของจังหวัด ทั้งนี้ นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อปี 2548 จดทะเบียนรถยนต์เก๋งส่วนบุคคล 7,531 คัน รถปิกอัพส่วนบุคคล 6,650 คัน รถจักรยานยนต์ 57,560 คัน

ปี พ.ศ. 2549 ที่ผ่านมา รถยนต์เก๋ง 7,346 คัน รถปิกอัพส่วนบุคคล 6,297 คัน รถจักรยานยนต์ 55,346 คัน

ส่วนใน พ.ศ. 2550 เดือน ม.ค.-ก.พ. ยอดรวมแค่ 2 เดือน ประชาชนซื้อรถยนต์เก๋ง 1,956 คัน รถปิกอัพส่วนบุคคล 1,688 คัน รถจักรยานยนต์ 9,340 คัน แสดงว่าสถิติการใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ของชาวเชียงใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อีกด้านหนึ่ง นายวรพจน์ คุณาวัฒนางกูร


เวรพยากรณ์อากาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ระบุถึงสภาวะอากาศของจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือว่า ขณะนี้เกิดความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนเข้าปกคลุมประเทศไทยทางภาคเหนือตอนบน ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้จากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย พัดเข้ามา ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองกระจายลมกระโชกแรงเกิดพายุฤดูร้อน ขอให้ประชาชนและเกษตรกรเตรียมการป้องกันและระวังอันตรายจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในขณะนี้ไว้ด้วย

ทั้งหมดคือบทสรุปอากาศในจังหวัดเชียงใหม่ที่เข้าขั้นวิกฤติ


วันนี้ทางจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยมลพิษไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัญหานี้ผู้เกี่ยวข้องต้องรีบแก้ไขโดยเร็วก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์