บุกคตส.ยื่นเอาผิด สุรยุทธ์-ทิพาวดี ฐานอุ้มไอทีวี

การุณ-วีระ นำบุก คตส.


ยื่นเอาผิด สุรยุทธ์-ทิพาวดี-ปลัดสปน-อ.กรมประชาฯ" ฐานเอื้อไอทีวีสูบงบแผ่นดิน โยนลูกให้โดยไม่มีกฎหมายรองรับ แถมรีบชงเข้า คตส.บ่ายนี้ ด้านม็อบต้านไอทีวีฉุนถูกไล่จากตึก ประกาศไม่ซื้อสินค้าโฆษณาผ่านทีไอทีวี

(12มีค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เวลา 10.20 น.


มีประชาชนกลุ่มหนึ่งกว่า 30 คน นำโดยนายการุณ ใสงาม สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อดีต ส.ว.บุรีรัมย์ นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ได้เข้ายื่นหนังสือ กล่าวหาและกล่าวโทษเกี่ยวกับการทำงานโครงการ ทีไอทีวี โดยมิชอบและทุจริตทำให้รัฐเสียหาย ต่อประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยมี คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.และกรรมการ คตส.มารับหนังสือแทน


ทั้งนี้นายการุณ กล่าวว่า


มาร้องทุกข์กล่าวหาและกล่าวโทษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลยุทธ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) และนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นการเอื้อประโยชน์กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

นายการุณกล่าวว่า


คลื่นวิทยุโทรทัศน์ของไอทีวีกลับคืนสู่สถานะเดิมคือตกเป็นของรัฐ และสปน.ได้มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่ เพราะยังไม่มีกสช.จึงต้องห้ามมิให้ผู้ใดดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่ การกระทำของบุลคคลดังกล่าวจึงถือได้ว่าร่วมกันกระทำความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบ


ซึ่งหลังจากเลิกสัญญาแล้ว


สปน.และกรมประชาสัมพันธ์ไม่มีสิทธิ์และไม่มีอำนาจใช้สอยอาคารสำนักงานของเอกชน แต่คณะบุคคลดังกล่าว กลับละเมิดให้อาคารชินวัตรเป็นที่ดำเนินโครงการนี้โดยที่ไม่ปรากฏว่ามีการทำสัญญาเช่าหรือข้อตกลงอย่างอื่น อันเป็นเหตุให้รัฐเสี่ยงภัยและเสี่ยงต่อความเสียหาย

นายการุณ กล่าวว่า


หลังจากรับเอาคลื่นโทรทัศน์มาดำเนินการแล้ว ไม่ปรากฏว่าได้มีการเอาทรัพย์สินกลับมาเป็นของรัฐแต่ประการใด แต่คณะบุคคลดังกล่าวได้ให้พนักงานไอทีวี ใช้ทรัพย์สินของรัฐดำเนินโครงการต่อ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนและทำให้รัฐเสียหาย เพราะในขณะนี้พนักงานบริษัทไอทีวี ยังไม่ได้ทำสัญญาใด ๆ กับรัฐ ไม่มีสิทธิ์ใช้สอยทรัพย์สินของรัฐ


มีการแถลงข่าวว่ากรมประชาสัมพันธ์ว่า


จ้างเหมาให้พนักงานไอทีวี ในอัตราค่าจ้างเดือนละประมาณ 60 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคนละ 60,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นการล็อกสเปก ให้สิทธิ์เฉพาะพนักงานไอทีวี อันเป็นการกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ เลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม ผิดกฎหมายไม่มีการเปิดประกวดราคาอย่างโปร่งใส เป็นการกีดกันผู้อื่นไม่ให้มีโอกาสเข้ารับจ้างหรือเป็นลูกจ้าง ทั้งยังเป็นจ่ายค่าตอบแทนที่สูงกว่าลูกจ้างของกรมประชาสัมพันธ์เอง

การดำเนินโครงการดังกล่าวมีการว่าจ้างปีละ 1,560 ล้านบาท เป็น


การดำเนินโครงการเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ร่วมกับเอกชน จึงอยู่ในบังคับของกฎหมายว่าการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน พ.ศ.2530 จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมาย แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวกลับละเว้นฝ่าฝืนและย่ำยีกฎหมายบ้านเมืองโดยไม่นำพาต่อความรู้สึกของประชาชนและข้าราชการทั้งประเทศ


การดำเนินโครงการนี้จึงเป็นการดำเนินที่ทุจริต


ผิดกฎหมาย เป็นการเอื้อประโยชน์แก่เอกชนและทำให้รัฐเสียหายอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคตส.ที่จะตรวจสอบได้เพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดิน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการย่ำยีกฎหมาย ได้ร่วมกันกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการทีไอทีวี ไม่ว่าจะปล่อยปละละเลยกรณีที่ไอทีวีผิดสัญญาสัมปทานในช่วงที่ผ่านมา


และเมื่อมีการยึดคลื่นคืนแล้ว


บุคคลดังกล่าวยังได้ดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่ให้ กับพนักงานไอทีวีเดิมเพื่อทำการออกอากาศตามปกติ ทั้งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และไม่ทราบว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการออกอากาศดังกล่าวไปตกอยู่ที่ใด ซึ่งการมอบคลื่นให้อดีตพนักงานไอทีวีออกอากาศต่อดังกล่าว ก็เสมือนหนึ่งการฮั้วราคา คือ สั่งเลยว่าให้ใครได้คลื่นดังกล่าวไป

นายการุณ กล่าวต่อว่า


การกระทำดังกล่าวถือว่าผิดต่อกฎหมายหลายบท ทั้งกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มาตรา 12 และ 13 มีการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เมื่อถามว่า หวังผลในการยื่นหนังสือครั้งนี้อย่างไร ต้องการให้ผู้กระทำผิดถูกลงโทษทางอาญาตามกฎหมาย


เมื่อถามอีกว่า ปกติคตส.จะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดที่ผ่านมา


นายการุณ กล่าวว่า ในประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ข้อ 5 (2) และ (3) คตส.มีอำนาจหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ทุกรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน ด้าน คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม คตส. โดยเร็วที่สุด หากทันในการประชุมวันนี้ก็จะนำเข้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับในส่วนของ สตง.มีอำนาจตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นเล็กน้อย


เนื่องจากประชาชนที่เดินทางร่วมยื่นหนังสือดังกล่าวด้วยได้เข้ามานั่งรอบริเวณห้องพัก สำหรับผู้มาติดตาราชการ เมื่อนายการุณได้ขึ้นไปบนตึกเพื่อรอเลขที่รับหนังสือ ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่รักษาความปลอดภัยของสตง.ได้มาไล่กลุ่มประชาชนให้ออกไปรอหน้าบริเวณหน้า สตง.จนเกิดควาไม่พอใจเมื่อบางคนไม่ยอมออกไป ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า คุณจะออกไปหรือเปล่า หรือจะมีปัญหากับผม

ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจเป็นอย่างมาก


ถึงกับตะโกนด่ากลับไปว่า ไอ้พวกรับใช้ทักษิณ มาไล่เราได้อย่างไร ถ้าไม่จำเป็นเราไม่มาหรอก เวลาลูกทักษิณมากลับต้อนรับอย่างดี แต่พวกเรามาปกป้องผลประโยชน์ของชาติกลับมาไล่อย่างนี้ พร้อมกับโห่ไล่เจ้าหน้าที่ทหารว่า ไอ้ควาย


จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ไปรวมตัวที่หน้าตึกสตง.


พร้อมกับยกทีวีขนาด 21 นิ้วมีสติกเกอร์ติดบริเวณหน้าจอว่า สิงคโปร์+ทักษิณ บริษัทไอทีวี ลิ่วล้อ จากนั้นได้พากันขึ้นไปเหยียบ พร้อมกับใช้ค้อนปอนด์กระหน่ำทุบจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น สร้างความตกใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมและข้าราชการสตง.เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ภายหลังการเข้ายื่นหนังสือกลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกันประกาศจะไม่ซื้อสินค้าทุกชนิดที่โฆษณาผ่านทีไอทีวี


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์