สุราษฎร์ฯ ฮือฮา! ชายแต่งชายขนสินสอดกว่า 3 แสนหลังคบหาดูใจกันนาน 14 ปี

ภาพจากข่าวสดภาพจากข่าวสด


วันที่ 18 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ที่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 3 ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี มีพิธีมงคลสมรสระหว่างผู้ชายกับผู้ชายซึ่งได้สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก โดยพิธีเริ่มจากที่นายสมชาติ หรือ นัท บุญมี อายุ 34 ปี ครูโรงเรียนอนุบาลมีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี อยู่บ้านเลขที่ 76/2 หมู่ 1 ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน พร้อมด้วยญาติยกขบวนขันหมากพร้อมสินสอดเงินสด 200,000 บาท ทองรูปพรรณน้ำหนัก 5 บาท เข้าสู่ขอและทำพิธีมงคลสมรสกับนายนาวี หรือ ดล โชติรัตน์ อายุ 34 ปี พนักงานฝ่ายบัญชีของสถานบริการน้ำมัน อยู่บ้านเลขที่ 209/6 หมู่ 12 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการจัดงานสมรสครั้งนี้ทำตามขั้นตอนตามประเพณีอย่างถูกต้องทุกอย่างท่ามกลางญาติทั้ง 2 ฝ่ายที่เข้าร่วมงานกันอย่างชื่นมื่นร่วม 100 คน ซึ่งในช่วงค่ำของวันเดียวกันจะมีงานเลี้ยงฉลองสมรส ภายใต้ชื่องาน “รักไม่ได้เห็นด้วยตา แต่สัมผัสด้วยใจ” และเน้นการแต่งกายโทนสีม่วงเพื่อสื่อให้เห็นถึงความรักของเพศที่ 3

นายนาวี หรือ ดล เจ้าสาว กล่าวว่า อยากให้เรียกเราทั้ง 2 ว่าคู่สมรส คือ คู่ที่พร้อมจะเดินทางไปร่วมกัน สร้างครอบครัวร่วมกัน ซึ่งตนกับนายสมชาติ คบหาดูใจและดูแลกันมานานร่วม 14 ปี จนมาถึงวันนี้ เราทั้งคู่ต่างพร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน จึงได้ปรึกษาหารือญาติๆ ทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อทำตามประเพณีอย่างถูกต้อง และยอมรับว่าในตอนแรกญาติๆ ทั้ง 2 ฝ่ายทำใจยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะนาง สมบูรณ์ บุญมี อายุ 77ปี แม่ของนายสมชาติ ถึงกับเป็นล้มป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล แต่เมื่อตนและนายสมชาติช่วยกันอธิบายว่า การที่เราทั้งคู่จะจัดงานแต่งงาน ไม่ได้เป็นการสร้างความเดือดร้อน หรือ ทำชั่ว และการที่เราร่วมใช้ชีวิตกันมาระยะหนึ่งโดยไม่มีปัญหา เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ความรัก ไม่ได้มีขึ้นเฉพาะกับผู้หญิงและชายเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน 

นายนาวี กล่าวด้วยว่า การครองคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน  จะต้องอยู่ด้วยความเข้าใจกัน รู้จักผ่อนสั้นยาว ชีวิตจึงจะมีความสุข หากเป็นไปได้ ตนอยากให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลด้านกฏหมาย เกี่ยวกับสิทธิ์ของคู่สมรถเพศที่ 3 ให้สามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย และหากมีโอกาสอยากเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ด้วย ซึ่งการแต่งงานครั้งนี้ของตนทั้ง 2 ที่เป็นคู่ชายไทย ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะประกาศให้สังคมรับรู้และยอมรับพวกเรามากขึ้น  เพียงแต่เรากล้าตัดสินใจและบอกให้สังคมรับรู้

ขณะที่นายสมชาติ กล่าวว่า รู้จักกับนายนาวี ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดยทั้ง 2 เรียนคณะครุศาสตร์มาด้วยกัน และคบหาเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน ต่อมาต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน โดนตนเข้าทำงานเป็นครูสอนเด็กปฐมวัย ส่วนนายนาวี ก็กลับไปช่วยงานที่บ้าน จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั่งกลับมาคบหากันมานานร่วม 14 ปี และช่วยกันทำมาหากิน สร้างฐานะ โดยตนได้ทำงานเก็บเงิน จำนวน 200,000 บาท และทองรูปพรรณ น้ำหนัก 5 บาท ไว้เพื่อมอบให้กับแม่ของนายนาวี เพื่อเป็นหลักประกันว่า ตนสามารถดูแลนายนาวีได้

ส่วนนางบุญเตือน  โชติรัตน์ อายุ 59 ปี มารดาของนายนาวี กล่าวว่า ตลอดเวลารับรู้ว่าลูกชายอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนายสมชาติ แต่ไม่คาดคิดว่าทั้งคู่จะจริงจังถึงขั้นแต่งงาน วันแรกที่ลูกชายบอกว่าจะแต่งงานกับนายสมชาติ รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและคัดค้าน เนื่องจากเกรงว่าญาติๆ ซึ่งเป็นพี่น้องของนายนาวีจะอับอาย เนื่องจากลูกๆ คนอื่นต่างทำงานมีหน้ามีตาในสังคม แต่เมื่อพี่ๆ  น้องๆ ของนาวียืนยันว่าเป็นสิทธิ์ของน้องชาย และไม่ได้เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมตนจึงยินยอมด้วย และวันนี้ยอมรับว่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกชายได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์