อดีตนายตร.มือปราบตั้งค่าหัวล่าสองผัวเมียยักยอกเงินกว่า 3 ล้าน เผยรักเหมือนลูกยังกล้า

อดีตนายตร.มือปราบตั้งค่าหัวล่าสองผัวเมียยักยอกเงินกว่า 3 ล้าน เผยรักเหมือนลูกยังกล้า


อดีตนายตร.มือปราบตั้งค่าหัวล่าสองผัวเมียยักยอกเงินกว่า 3 ล้าน เผยรักเหมือนลูกยังกล้า

 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 มี.ค. พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา และเป็นเจ้าของรีสอร์ตกระท่อมหินนันทภัค อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับร.ต.ท.นารภพ นวลเท่า พนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับนางปัญญาวีร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร อายุ 33 ปี อยู่หมู่ที่ 2 ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และนายภักดิ์ภูมิ หิรัญเกิด อายุ 29 ปี อยู่ถ.ศรีธานี ต.โนนสูง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา สองสามีภรรยาที่ทำงานเป็นลูกน้องอยู่ภายในรีสอร์ตของตนเอง ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร หลังจากที่ทั้งสองคนผัวเมียได้แอบปลอมแปลงเอกสารการเงินของธนาคาร และยักยอกเงินรายได้จากค่าเช่ารีสอร์ตจำนวน 41 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 3 ล้านบาท

ซึ่งหลังรับแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียวได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลจังหวัดนครราชสีมาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคนผัวเมียแล้ว ทั้งนี้ พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ ผู้เสียหายได้ตั้งรางวัลนำจับเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ แม้จะได้ทรัพย์สินคืนมาหรือไม่ก็ตาม

พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณปี 2552 ผู้ต้องหาทั้งสองคนผัวเมียได้เข้ามาของานทำที่รีสอร์ตของตนเอง ตนเกิดความสงสารจึงรับให้เข้าทำงาน โดยนางปัญญาวีร์เข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บัญชี ส่วนนายภักดิ์ภูมิเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานจัดเลี้ยง ซึ่งหลังรับเข้าทำงานทั้งสองคนเป็นคนตั้งใจทำงานดีจนตนเกิดความไว้วางใจ และให้ความรัก เลี้ยงดูเหมือนเป็นลูก ซึ่งทั้งสองคนต่างเรียกตนว่าพ่อ ส่วนตนก็เรียกทั้งสองคนว่าลูกเช่นกัน ตนจึงไว้วางใจให้นางปัญญาวีร์ทำหน้าที่นำเงินรายได้จากลูกค้าที่จ่ายค่าที่ พัก รวมทั้งค่าสถานที่จัดเลี้ยงของรีสอร์ตไปฝากเข้าบัญชีกระแสรายวันของธนาคาร กสิกรไทย สาขาวังน้ำเขียว เป็นประจำเรื่อยมา

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปซื้อสมุดเช็คเล่มใหม่กับทางธนาคาร และเช็คยอดเงินในบัญชี กลับพบว่าเงินในบัญชีของตนมียอดเงินเหลือเพียง 2 แสนกว่าบาท ทั้งที่ความจริงแล้วยอดเงินในบัญชีต้องมีประมาณ 3 ล้านกว่าบาท แต่ตนก็ยังไม่เอะใจ และได้โทรศัพท์แจ้งให้ทั้งสองคนผัวเมียนำเอกสารการเงินทั้งหมดเดินทางไปที่ ธนาคารเพื่อตรวจสอบ แต่เมื่อทั้งสองคนรู้ว่าความแตกก็เลยแผ่นหนีไป ตนจึงให้ธนาคารตรวจสอบดูอย่างละเอียดก็พบว่า บัญชีของตนถูกยักยอกเงินในบัญชีไปตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายน 2555 รวมจำนวน 41 ครั้ง รวมยอดเงินที่ถูกยักยอกไปเป็นจำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท โดยวิธีการยักยอกแต่ละครั้งผู้ต้องหาทั้งสองคนจะนำเงินสด หรือเช็คของลูกค้าที่จ่ายให้กับทางรีสอร์ททำทีไปฝากเงินกับทางธนาคาร ซึ่งทั้งสองคนไม่ได้นำเงินไปฝากจริง แต่กลับทำใบเสร็จฝากเงินปลอม สลิปบัญชีธนาคารปลอม และสมุดบัญชีธนาคารปลอมมาให้กับตนเองไว้แทน ทั้งนี้ตนรู้สึกเสียใจมากที่คนที่ตนรัก และไว้ใจเหมือนลูกทำกับตนได้อย่างนี้ ตนจึงตั้งรางวัลนำจับผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นเงินจำนวน 1 แสนบาท แม้ว่าจะได้ทรัพย์สินคืนมาหรือไม่ก็ตาม เพราะตนต้องการให้ทั้งสองคนถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำหรับความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้ชุดสืบสวน สภ.วังน้ำเขียว และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้กระจายกำลังลงพื้นที่ออกติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนแล้ว ล่าสุดเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนยังคงกบดานหลบหนีอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน เชื่อว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆนี้

สำหรับ พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ เป็นอดีตนายตำรวจมือปราบ เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และเกษียนราชการในปี 2550 ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา และเป็นลูกศิษย์คนสนิทของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์