ทำไม..ประเทศไทยต้องหยุดค้างาช้าง

ทำไม..ประเทศไทยต้องหยุดค้างาช้าง


รัฐบาลไทยทุ่มเทงบประมาณจำนวนมากในการ วางระบบพื้นที่คุ้มครอง ร่วมมือกับองค์กรเอกชนในการพัฒนศักยภาพและประสิทธิภาพการจัดการสัตว์ป่าโดย ใช้หลักวิทยาศาสตร์ ดำเนินโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม เช่น โครงการฟื้นฟูประชากรเสือโคร่ง และช้างป่า รวมไปถึงระบบการลาดตระเวนเชิงคุณภาพและการจัดการผืนป่าแบบบูรณาการ แต่ที่น่าตกใจว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในหลายๆ ภูมิภาคทั่วโลกโดยเฉพาะในแอฟริกา ปัญหาดังกล่าวกลับมาทวีความรุนแรงขึ้นจนคุกคามความอยู่รอดของสัตว์ป่าหลาย ชนิด หนึ่งในนั้นคือช้างป่า โดยถูกสังหารโหดรายวัน เพียงเพื่อจะได้เจาะกะโหลกเปิดหน้าและตัดเลาะนำงามาขาย งาเปื้อนเลือดเกือบทั้งหมดถูกลักลอบนำเข้ามายังตลาดค้างาช้างในเอเชีย หนึ่งในปลายทางสำคัญ คือ ประเทศไทย

คงไม่มีสัตว์ชนิดไหนอีกแล้วที่คน ไทยให้ความสำคัญและมีความผูกพันเท่ากับช้าง แต่ประเทศไทยกลับเป็นตลาดค้าขายงาช้างที่ขาดการควบคุมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ข้อเท็จจริงดังกล่าวถูกบันทึกอยู่ในรายงานขององค์กรฐานข้อมูลการค้างาช้าง และผลิตภัณฑ์จากช้างที่ผิดกฎหมาย (Elephant Trade Information System : ETIS) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ใช้ติดตามและควบคุมสถานการณ์การค้างาช้าง ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) ซึ่งว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญ พันธุ์

รายงานที่เป็นทางการฉบับนี้ ระบุว่าประเทศไทยถูกจัดให้เป็นอันดับหนึ่งของโลกในฐานะที่มีความอ่อนแอที่ สุดในด้านการบังคับใช้กฎหมายและควบคุมงาช้างผิดกฎหมาย นำหน้ามาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และจีน เป็นข้อมูลสำคัญที่ถูกเปิดเผยก่อนหน้าการประชุมภาคีสมาชิกของอนุสัญญาไซเต สครั้งที่ 16 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แม้จีนจะเป็นตลาดค้างาช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่จีนเอาจริงเอาจังเรื่องการตรวจจับงาช้างผิดกฎหมาย และมีกฎหมายที่เอาโทษอย่างรุนแรงมาก มีการลงโทษจำคุกตลอดชีวิตผู้กระทำผิดเรื่องงาช้างไปแล้วถึง 32 ราย

คณะเลขาธิการไซเตสยังให้ข้อมูลอีกว่าที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่ากังวลที่สุด ในเรื่องนี้ เพราะเราเป็นทั้งประเทศที่เป็นเส้นทางผ่าน ไปยังตลาดอื่นๆ และยังเป็นผู้บริโภคเองอีกด้วย อีกทั้งมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่นิยมหาซื้อผลิตภัณฑ์จากงาช้างมาสะสม หรือมอบให้ผู้ใหญ่เป็นของขวัญ เหตุผลหลักของปัญหาจึงไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ แต่เป็นเพราะกฎหมายอนุรักษ์สัตว์ป่าบ้านเรายังไม่ได้ครอบคลุมเรื่องของช้าง บ้าน ตลาดค้างาช้างและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากงาช้าง จึงยังจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย และยากที่จะตรวจสอบ

มีการสำรวจร้าน จำหน่ายผลิตภัณฑ์งาช้างกว่า 5 พันร้านทั่วประเทศ ไม่นับช่องทางออนไลน์มากมายที่ขายกันอย่างเปิดเผย ช้างเลี้ยงมีอายุเฉลี่ยราวๆ 50-60 ปี  ดังนั้น ปริมาณงาช้างที่เคยเชื่อกันว่าได้มาอย่างถูกต้อง คือเมื่อช้างตายก็นำเอางามาแกะสลักแปรรูปจริงๆ แล้วจึงมีอยู่น้อยมาก วัตถุดิบส่วนใหญ่ในการแปรรูปจึงเป็นงาช้างแอฟริกาที่ได้มาจากการเข่นฆ่า สังหารช้าง

ถึงเวลาแล้วที่ต้องช่วยกันเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทำใน สิ่งที่ถูกต้องและทำในสิ่งที่ให้คำมั่นสัญญาต่อประชาคมโลกมาเป็นเวลานาน ว่าจะทำการปิดช่องโหว่ของตลาดค้างาช้างในประเทศไทย และเจตจำนงที่ดีที่สุดก็คือการประกาศหยุดการค้างาช้างไปจนกว่ามาตรการอื่นๆ จะสำเร็จเสร็จสิ้น

ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำใน เรื่องของการอนุรักษ์ช้างและลงมือปฏิรูปกฎหมายในการอนุรักษ์ช้างและสัตว์ป่า อย่างจริงจัง และร่วมกันลงชื่อเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศหยุดการค้างาช้างในประเทศไทย ร่วมกับคนทั้งโลกได้ที่ wwfthai.org/killthetrade หรือ facebook/wwfthailand

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์