ยืนยันนพ.ประกิตเผ่า ป่วยจริง ผอ.ศรีธัญญา ฟันธง

กรณี พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พงส. (สบ 3) สน. บางซื่อ


ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้โรงพยาบาลศรีธัญญา จ.นนทบุรี ปล่อยตัว นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ อายุ 37 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ โดยระบุว่าได้รับแจ้งจาก น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี ว่า นพ.ประกิตเผ่า รู้จักมีความสนิทสนมกับ น.ส.เปมิกา เป็นอย่างดี โทรศัพท์ไปหาบอกว่าถูกมารดาและพี่ชาย นำตัวไปไว้ที่ตึกประสาทวิทยา โรงพยาบาลศรีธัญญา

โดย อ้างว่า

นพ.ประกิตเผ่าตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยา ต่อมาเมื่อ พ.ต.ท. ฐิติเดชเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว พบข้อสงสัยหลายอย่าง จึงเกรงว่าหากเหตุการณ์ยังยืดเยื้อต่อไป นพ.ประกิตเผ่า อาจจะเป็นอันตราย

พี่ชายเปิดแถลงข่าวพร้อม ผอ.ศรีธัญญา


ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (27 ก.พ.) ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลศรีธัญญา จ.นนทบุรี นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา และ รศ.นพ.ประกิตพันธุ์ ทมทิตชงค์ อาจารย์ประจำภาควิชาสถานวิทยาศาสตร์ คลินิก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พี่ชาย นพ.ประกิตเผ่า ได้เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยของ นพ.ประกิตเผ่า รวมทั้งเรื่องที่ตกเป็นข่าวว่าถูกหลอกพาตัวไปควบคุมไว้ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา

ระบุออกอาการตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว


รศ.นพ.ประกิตพันธุ์กล่าวว่า เรื่องนี้เริ่มจากทางครอบครัวเริ่มสังเกตว่า น้องชายมีอาการผิดปกติมาตั้ง แต่เดือน ต.ค. 49 มีอาการหวาดระแวง ไม่ไว้ใจคนรอบข้าง ระแวงว่า นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยา ปองร้ายจ้างคน มาฆ่า ทั้งที่ครอบครัวก็ไม่เคยมีปัญหา ระยะหลังเริ่มหัน ไปสนใจธรรมะ นั่งสมาธิ เดินสายทำบุญ ซึ่งทางภรรยาและทางบ้านไม่ได้ห้าม เพราะคิดว่าไปทำบุญตามปกติเหมือนคนทั่วไป


สวมเสื้อเกราะพกปืนตลอดเวลา


ปีใหม่ที่ผ่านมา น้องชายเริ่มมีอาการมากขึ้น พกปืนติดตัว 3 กระบอก สวมเสื้อเกราะติดตัวตลอดเวลา แม้ กระทั่งตอนไปสอนหนังสือ ที่บ้านก็สะสมปืนไว้ถึง 50 กระบอก พ่อกับแม่จึงปรึกษากันว่าน่าจะพาตัวไปตรวจรักษา ดีกว่า เพราะเกรงว่าจะทำร้ายตัวเอง และคนในครอบครัว

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. เลยมาปรึกษาจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ได้รับ คำแนะนำว่าให้เข้ามารักษาตัว ดังนั้น ในวันที่ 19 ก.พ. จึงไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.อ.พุทธมณฑล ให้ช่วยกันนำตัวมา โดยถอดเสื้อเกราะออกและปลดอาวุธปืนเก็บไว้ที่บ้าน ส่วนสาเหตุที่ต้องให้มีตำรวจนอกเครื่อง แบบมาเฝ้าก็เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกรบกวน เพราะจะมีผลต่อการรักษา

ขอความเป็นธรรมตกเป็นจำเลยสังคม


รศ.นพ.ประกิตพันธุ์กล่าวต่อว่า ครอบครัวของตน มีจุดอ่อน เพราะเป็นคนใจบุญ คนที่หวังผลประโยชน์จึงเข้ามา ขณะนี้ตนและครอบครัวตกเป็นจำเลยของสังคม จึงอยากขอความเป็นธรรมว่า ข่าวที่ออกไปไม่เป็นความจริง ทุกคนห่วงน้องชายมาก เรื่องเงินทองไม่ใช่ปัญหาสำคัญ เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยืนยันแล้วว่ารักษาหายแน่นอน แต่ต้องไม่ถูกกระตุ้นในเรื่องที่หวาดระแวงอยู่

แฉเงินน้องชายหายหลายสิบล้านบาท


ส่วนที่มีผู้หญิงอ้างว่า เป็นว่าที่ภรรยาของน้องชาย ไปแจ้งความและจะขอให้ศาลสั่งฉุกเฉิน ตนก็แปลกใจว่า กลุ่มคนพวกนี้มีอำนาจอะไร เอาหลักฐานอะไรไปร้องศาล เพราะเป็นเรื่องที่พ่อแม่และภรรยาผู้ป่วยต้องรับผิดชอบ ขณะนี้กำลังปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการกับกลุ่มคนเหล่านี้ให้ถึงที่สุด เพราะทำลายชื่อเสียงครอบครัวอย่าง รุนแรง พ่อของตนก็ไม่ค่อยสบายไม่รู้ว่าหลังเกิดเรื่องนี้จะเป็นอะไรบ้าง กลุ่มคนเหล่านี้ที่เสียผลประโยชน์มีประมาณ 5 คน เป็นลูกศิษย์เก่าที่โรงเรียนกวดวิชา แรกๆก็เข้ามาตีสนิทชวนน้องชายไปทำบุญ ส่วนยอดเงินเท่าที่ตรวจสอบได้ขณะนี้หายไปจากบัญชีประมาณ 20-40 ล้านบาท


นักจิตวิทยาลงความเห็นป่วยทางจิต


ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ลงความเห็นว่าผู้ป่วยคนนี้น่าจะเป็นผู้ป่วยทางจิต และมีภาวะหวาดระแวง ซึ่งจะมีอันตรายต่อผู้อื่นและต่อตัวเอง เลยรับตัวไว้รักษาในโรง พยาบาล หลังจากทดสอบทางจิตวิทยาแล้ว โดยนักจิตวิทยาที่ได้ผ่านการอบรมมาอย่างดี เป็นครูของหลายๆคนได้ผลที่สอดคล้องกัน พบว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติจริงๆ มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ คิดว่าสอดคล้องกันว่า นพ.ประกิตเผ่าป่วยทางจิตและมีภาวะอ่อนแอ


ตรวจฉี่เจอสารคล้ายยาบ้า


ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา กล่าวต่อว่า วันที่รับตัวผู้ป่วยเข้ารักษา ลักษณะโดยทั่วไปพบว่า นพ.ประกิตเผ่าสวมเสื้อเกราะ และพกปืน 3 กระบอก แต่ไม่มีการอาละวาด เบื้องต้นพบสารออกฤทธิ์ทางจิตประสาท จากการตรวจปัสสาวะ เอพฟรีดีน โดยมีค่ามากกว่าคนปกติ 200 เท่า ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท โดยมีลักษณะคล้ายแอมเฟตามีน หรือยาบ้า แต่ไม่พบว่ามีการใช้สารเสพติดแต่อย่างใด อาการดังกล่าวสามารถหายได้ การรักษาในระยะเวลา 1 เดือน คนไข้จะหายได้ 70-80% หากไม่มีสิ่งใดมากระตุ้น


ยันไม่ฉีดยาให้บ้าแบบในหนัง


ส่วนที่สงสัยว่าเมื่อพาผู้ป่วยมาอยู่ในโรงพยาบาลฉีดยาทุกวัน แล้วจะทำให้ผู้ป่วยวิกลจริตหรือเป็นบ้าไป ก็ขอเรียนให้ท่านทั้งหลายทราบ ท่านสามารถสืบค้น หรือไต่ถามจากผู้เชี่ยวชาญทางจิตอีกหลายคน ที่นั่งอยู่นี้ทั้งนั้นเลย ก็ขอยืนยันว่าไม่มีการกระทำดังกล่าว ทำไม่ได้ มีแต่ในหนัง ในหนังก็พยายามไม่ให้ทำ ฉีดวันละนิดๆ ให้เป็นบ้า ทำไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานบริการของรัฐทำไม่ได้ และคงคิดว่าไม่มีใครแม้จะคิดที่จะกล้ากระทำดังกล่าว

โวยตำรวจบุกรุกโรงพยาบาล


ขณะที่ นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่ามีผู้บุกรุกตึกผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2550 มีบุคคลแต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจ 2 นาย คือ ร.ต.ท.ไอศูรย์ อินทร พร้อมพวกอีก 1 นาย แจ้งขอเข้าเยี่ยม นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกประสาทวิทยา โรง พยาบาลศรีธัญญา แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไม่ให้เข้าพบโดยแจ้งกับบุคคลดังกล่าวว่าญาติของดการเยี่ยมหรือพบกับบุคคลอื่น นอกจากมารดาและพี่ชายเท่านั้น

ทำให้บุคคลดังกล่าวแสดงกิริยามารยาทพร้อมคำพูดที่ไม่เหมาะสม

โดยใช้เครื่องแบบที่แต่งกายมาข่มขู่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจากนั้น ร.ต.ท.ไอศูรย์ได้เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยชั้น 1 และชั้น 2 พร้อมกับค้นหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะห้ามได้ โดยในขณะที่กำลังค้นหาอยู่นั้น มีญาติผู้ป่วยรายหนึ่ง ซึ่งเป็นนายทหารหญิงยศพลตรี พูดขึ้นมาว่า คุณทำแบบนี้ถือเป็นการบุกรุกโรงพยาบาล ทำให้นายตำรวจคนดังกล่าวถอยกลับออกไปจากตึกผู้ป่วย

จากนั้นตำรวจทั้ง 2 นาย ได้ขอเข้าพบกับ ผอ. โรงพยาบาลศรีธัญญา แต่ในช่วงดังกล่าว ผอ.ติดราชการ จึงเข้าพบ นพ.ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ และแพทย์เจ้าของไข้ โดยได้ข่มขู่ หน่วงเหนี่ยว รอง ผอ.รพ. และยืนยันที่จะพบ ผอ.โรงพยาบาลให้ได้

ทำเรื่องฟ้องถึง เสรีพิศุทธ์ แล้ว


อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวต่อว่า รายงานของ นพ.เกียรติภูมิ ระบุด้วยว่า เมื่อ ผอ.โรงพยาบาลเสร็จภารกิจจากการปฏิบัติราชการ ตำรวจทั้ง 2 นายได้เข้าพบ และแจ้งว่ามีผู้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ว่ามีบุคคลถูกกักขัง คือ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ อยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา จึงมาขอสอบปากคำแพทย์เจ้าของไข้คือ นพ.ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ แต่แพทย์ไม่ให้ความร่วมมือ จึงขอพบผู้ป่วย

ซึ่งทาง นพ.เกียรติภูมิชี้แจงว่า

มารดาโดยสายเลือดและพี่ชายของผู้ป่วยขอให้โรงพยาบาลห้ามบุคคลอื่นเยี่ยมและเข้าพบผู้ป่วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงความไม่พอใจและพูดจาข่มขู่ว่า เรื่องจะต้องถึงศาลจึงจะพบได้ใช่ไหม ผอ.จึงแจ้งว่า ผู้นำส่งผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลคือมารดาและพี่ชาย แจ้งความประสงค์ ไว้เช่นนั้น แต่บุคคลที่ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเป็นบุคคลภายนอกและไม่ใช่ญาติของผู้ป่วย ถ้าจะเข้าพบต้องมีเอกสารหนังสือหรือหมายศาลมายืนยันจึงจะสามารถพบได้

ก่อนหน้านี้ รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า

มีหนังสือถึงโรงพยาบาลศรีธัญญา แจ้งความประสงค์ขอความเป็นธรรมและคุ้มครองบุตรชาย เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกข่มขู่และไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากรับรายงานจาก ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญาแล้ว ทางกรมสุขภาพจิต ได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานถึงการบุกรุกและคุกคามสิทธิผู้ป่วยของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

ศาลออกหมายนัดไต่สวน 2 มี.ค.


บ่ายวันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พงส. (สบ 3) สน.บางซื่อ ไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อพิจารณาการควบคุมหรือขังโดยผิดกฎหมาย กรณีที่ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ ถูกส่งตัวเข้ารักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาลศรีธัญญาโดยไม่ชอบ จึงขอให้ศาลออกหมายเรียก นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา และ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้ป่วย มาไต่สวน เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวจากโรงพยาบาล หลังจากศาลพิจารณาคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ออกหมายเรียก ผอ. โรงพยาบาลศรีธัญญา และ นพ.ประกิตเผ่า ผู้ป่วยมาไต่สวนในวันที่ 2 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ตำรวจสอบพยานยันหมอไม่บ้า


พ.ต.ท.ฐิติเดชเปิดเผยว่า ตามคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัว นพ.ประกิตเผ่า เนื่องจากมีหลักฐานอันควรเชื่อว่า นพ.ประกิตเผ่าถูกควบคุมตัวเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิตโดยไม่ชอบ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 90 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานของ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี เพื่อนสาวของ นพ.ประกิตเผ่า มีนายอำเภอพุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อนของ นพ.ประกิตเผ่า

ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา

ได้พบและพูดคุยกับ นพ.ประกิตเผ่า โดยไม่มีอาการใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าป่วยทางจิต เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลศรีธัญญา และให้ นพ.ประกิตเผ่ายืมโทรศัพท์ ติดต่อกับ น.ส.เปมิกา ก็ให้ปากคำว่า นพ.ประกิตเผ่า ยังพูดคุยรู้เรื่อง ไม่แสดงอาการป่วยทางจิตเช่นเดียวกัน

ข้อความที่พูดคุยกันระหว่าง นพ.ประกิตเผ่า กับ น.ส.เปมิกา ระบุว่า

ให้เข้ามาช่วยเหลือออกจากโรงพยาบาลภายในสัปดาห์นี้ หากไม่ทำก็ไม่ต้องดำเนินการแล้ว นอกเหนือจากพยานดังกล่าวแล้ว พนักงานสอบสวนยังมีกลุ่มนักเรียนในสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์อีกหลายปากที่พร้อมจะให้การยืนยันว่า นพ.ประกิตเผ่า ไม่มีอาการทางจิตแต่อย่างใด

ระบุทำงานตามหน้าที่ไม่กลัวโดนฟ้อง


พ.ต.ท.ฐิติเดชกล่าวด้วยว่า ส่วนที่มารดาและพี่ชายของ นพ.ประกิตเผ่าซึ่งเป็นผู้นำตัว นพ.ประกิตเผ่าส่งเข้าโรงพยาบาล ระบุว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนนั้น ตนไม่กังวล เพราะถือว่าเป็นสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว

พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามหน้าที่

โดยการยื่นคำร้องครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย ที่จะให้พิจารณาปล่อยตัว นพ.ประกิตเผ่าเท่านั้น แต่ไม่เกี่ยวกับการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดกับ ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา ทั้งนี้หาก น.ส.เปมิกา จะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา ก็ต้องแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองนนทบุรี

หมายศาลถึงมือ ผอ.ศรีธัญญา


จากนั้น พ.ต.ท.ฐิติเดชนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต
แต่เมื่อหาพยานหลักฐานมาประกอบมีเหตุน่าสงสัยว่าคุมขังโดยมิชอบ

โดยได้สอบพยาน 5 ปาก ที่เพิ่งพบเห็นและยืนยันว่า นพ.ประกิตเผ่าไม่มีอาการป่วย ทั้งนายอำเภอพุทธมณฑล ลูกศิษย์ของ นพ.ประกิตเผ่า และพระภิกษุที่วัดบางพระ จ.นครปฐม กับการกล่าวอ้างของญาติว่า นางอลิสา ภรรยา ถึงแก่ความตาย ก็ไม่เป็นความจริง ที่สำคัญคือการวินิจฉัยของแพทย์ที่ตรวจเมื่อวันที่ 19 ก.พ. พอวันที่ 20 ก.พ. ก็ลงความเห็นว่าป่วย ขอยืนยันว่าทำทุกอย่างตามหน้าที่ไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น

แม่-เมียหมอ มาพร้อมทนายความ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พ.ต.ท.ฐิติเดชเข้าพบ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า พร้อมด้วยนางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า และนายชูชาติ ศิลปะรัตน์ ทนายความ เดินทางไปที่ห้องทำงาน นพ.เกียรติภูมิเช่นกัน และเกิดปะทะคารมกันขึ้นเล็กๆ ก่อนที่ พ.ต.ท.ฐิติเดชจะกลับไป ซัดตำรวจปฏิบัติหน้าที่มิชอบ นายชูชาติ ทนายความ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากมารดาและภรรยาของ นพ.ประกิตเผ่า ให้เข้ามาดูแลเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าตำรวจไม่มีอำนาจหน้าที่ ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบแน่นอน เชื่อว่าต้องมีเจตนาทุจริตในทรัพย์สินผู้ป่วย

โต้พ่อแม่ที่ไหนจะกักตัวลูก

ขณะที่ รศ.เพลินจิตกล่าวว่า ได้ให้ทนายความยื่นเรื่องต่อศาลขอคัดค้านคำร้องของพนักงานสอบสวนและยื่นเรื่องให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร.ให้ช่วยเหลือ พร้อมกับให้รายละเอียดต่างๆไปหมดแล้ว เรานำตัวมารักษา เพราะไม่มีหนทางอื่น ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะเอาลูกมาเสี่ยง มากักตัวแบบนี้ เราก็รักลูกของเรา ลูกฟื้นขึ้นมาก็เรียกหาแต่แม่ รศ.เพลินจิตกล่าว

ด้านนางอลิสา ภรรยา กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า

ดิฉันเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายและดูแลอุปการะสามีอย่างถูกต้อง ส่วนรายละเอียดเรื่องอื่นขอเปิดเผยในชั้นศาลเท่านั้น

เพื่อนสาวคนสนิทเปิดตัว


ที่ สน.บางซื่อ เมื่อเวลา 18.45 น. น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อายุ 24 ปี นิสิตคณะจิตวิทยา ปี 4 จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ออกมาแสดงตัวพร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงสาเหตุที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ว่า ต้องการให้สังคมรู้ว่า นพ.ประกิตเผ่าไม่ได้บ้าแน่ ๆ ถึงแม้ว่าทางครอบครัวของหมอจะออกมาบอกถึงเหตุการณ์และพฤติกรรมบางอย่างของหมอ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้แปลกเกินที่ชาวพุทธจะกระทำออกมา ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ การบริจาค หรือการนั่งสมาธิ

อยากให้หมอออกมาพูดด้วยตัวเอง

น.ส.เปมิกากล่าวต่อว่า เรื่องที่สงสัยกันว่าตนเกี่ยวข้องกับหมอในลักษณะไหนนั้น บอกได้เลยว่าเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆ เพราะคุณหมอสนิทกับตนและกลุ่มเพื่อนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทำให้นึกถึงตนและโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือยามคับขัน ใครจะคิดว่าเป็นมือที่สามก็แล้วแต่ ไม่สามารถบังคับกันได้ วันที่โทรศัพท์มาน้ำเสียงหมอคล้ายๆ กับมึนๆ พูดจาเกือบไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนที่มีสติดีมากๆ ส่วนเรื่องผลประโยชน์นั้นเป็นเรื่องของหมอ ตนไม่ขอเกี่ยวข้อง อยากให้หมอออกมาพูดเองในเรื่องนี้

บอกมีปัญหาด้านสุขภาพ

เพื่อนสาวคนสนิทกล่าวเพิ่มเติมว่า จริงๆ หมอเองนั้นมีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้ ต้องทานยาเอ็นติเฟร็ด (ยาแก้แพ้) เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้มีอาการมึนๆ บ้าง แต่ก็ยังสามารถควบคุมตัวเองได้ สำหรับเรื่องครอบครับหมอเคยบ่นให้ฟังว่า หย่าแล้วจะยกทรัพย์สินให้กับภรรยาและลูกทั้งหมดด้วยซ้ำไป เพราะอยากให้ชีวิตอิสระเท่านั้น ส่วนที่เลิกกันกับภรรยานั้นตนไม่อยากพูด ทราบเพียงว่าหมอมีปัญหาเรื่องกระเพาะปัสสาวะ เมื่อมีการหลั่งอาจทำให้มีเลือดออก

ซัดพี่ชายหมอสนิทกับเจ้าของไข้


น.ส.เปมิกากล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ออกมาช่วยหมอเผ่าในครั้งนี้ ก็เพื่อเรียกร้องความถูกต้อง และอยากจะให้ ครอบครัวของเขาพูดความจริงทั้งหมด ปัญหาทุกอย่าง เขาเท่านั้นที่รู้ดี เพราะฉะนั้น ควรปล่อยให้หมอออกมาพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา มาบอกว่าใครเป็นคนลงมือแต่งเรื่องราวทุกอย่าง อีกทั้งบอกถึงปัญหาที่ตนไม่สามารถพูดแทนหมอได้ในที่นี้

หากทางครอบครัวบริสุทธิ์ใจ หวังดีกับหมอจริงก็ควรปล่อยเขาออกมาพูด

ไม่ใช่มากักขังกันไว้ สำหรับเรื่องที่ผลตรวจของแพทย์ยืนยันว่า อาการของหมอเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างนั้น ตนพร้อมด้วยเด็กนักเรียนทุกคนที่รู้จักหมอ รวมทั้งเพื่อนๆ ที่สนิทกันสามารถออกมายืนยันได้ว่า ไม่ได้เป็นแบบนั้น อยากให้ ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายของหมอกับหมอในโรงพยาบาลศรีธัญญาบางท่านว่า จริงหรือไม่ที่เขามีความสนิทสนมกันมาก

ด้าน พ.ต.ท.ฐิติเดชกล่าวว่า

เรื่องนี้ได้ดำเนินการ ขั้นตอนไปหมดแล้ว เรื่องทั้งหมดกระทำการไปตามหน้าที่ ถูกผิดคงต้องรอไปพิสูจน์กันที่ศาลในวันที่ 2 มี.ค.ที่จะถึงนี้ต่อไป

ลูกน้อง-ผู้ปกครองไม่เชื่อหมอป่วย


สำหรับบรรยากาศที่สถาบันแอพพลายด์ฟิสิกส์ สยามสแควร์ สำนักงานใหญ่ของโรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันยังคงมีผู้ปกครองและเด็กนักเรียนจำนวนมากทยอยมาสมัครเรียนกวดวิชาฟิสิกส์ในช่วงปิดเทอมเดือน มี.ค.-เม.ย. เป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะในคอร์สวิชาฟิสิกส์ ม.4 (พื้นฐาน) คอร์สฟื้นฟูความรู้ ม.4-ม.5 และคอร์สเอ็นทรานซ์เพื่อสอบตรงและแอดมิดชั่น

ที่ นพ.ประกิตเผ่าสอนสดด้วยตัวเอง นายพัฒน์พงษ์ ลิมปะพันธุ์ เจ้าหน้าประจำสำนักงานสยาม สแควร์ กล่าวว่า ข่าวที่เกิดขึ้นกับ นพ.ประกิตเผ่านั้น ไม่มีผลต่อการเรียนการสอนของสถาบัน ผู้ปกครองและนักเรียนทุกคนยังคงให้ความไว้วางใจและโทรศัพท์มาให้กำลังใจ นพ.ประกิตเผ่าตลอดเวลา โดยทุกคนรวมทั้งตนต่างไม่เชื่อว่า นพ.ประกิตเผ่าจะป่วยทางจิตตามที่เป็นข่าว

ยังโทรศัพท์ตามงานทุกวัน


เวลาทำงานด้วยกัน นพ.ประกิตเผ่าจะยิ้มแย้มแจ่มใสกับลูกน้องและนักเรียนทุกคนเสมอ ทุกวันนี้ยังโทรศัพท์ มาติดตามงาน สั่งให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมการเรียนการสอนที่เปิดสอนคอร์สใหม่ในเดือน มี.ค. นี้ ยืนยันว่า นพ.ประกิตเป็นคนใจเย็น ร่าเริง ไม่เคยแสดงโมโหร้ายกับลูกน้องเลย และเมื่อว่างจากการสอนพิเศษ ก็จะชอบเดินทางไปทำบุญตามวัดต่างๆอยู่เป็นประจำ เข้าใจข่าวที่ออกมานั้นเกินจริงไปหน่อย ในเร็วๆนี้นางเพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดา นพ.ประกิตเผ่า คงจะเปิดแถลงข่าวถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้ง

มองเป็นเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์

ขณะที่ผู้ปกครองและพ่อค้าแม่ค้าย่านสยามสแควร์ ที่รู้จัก นพ.ประกิตเผ่า จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์บริเวณหน้า สถาบันแอพพลายด์ฟิสิกส์ โดยพูดเป็นเสียงเดียวกันไม่เชื่อ นพ.ประกิตเผ่าจะป่วยทางจิตจริง แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ด้านธุรกิจมากกว่า

ส่วนบรรยากาศที่สถาบันแอพพลายด์ฟิสิกส์ สาขางามวงศ์วาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขายอดนิยม

ที่มีเด็กมาสมัครเรียนกวดวิชาฟิสิกส์กับ นพ.ประกิตเผ่ายังคงได้รับความสนใจ ผู้ปกครองโทรศัพท์ไปสมัครเรียนให้บุตรหลานเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ของทางสถาบันดังกล่าวยืนยันว่า อาการป่วยของ นพ.ประกิตเผ่าไม่กระทบต่อการเรียนการสอน

โฆษก ตร.บอกยังไม่เป็นคดี


วันเดียวกัน พล.ต.ต.รณรงค์ ยั่งยืน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 ว่า เรื่องของ นพ.ประกิตเผ่า ยังไม่ได้รับเป็นคดี ส่วนที่ตำรวจ สน.บางซื่อ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากคนสนิทของ นพ.ประกิจเผ่าเข้ามาร้องทุกข์ไว้ที่ สน.บางซื่อ เนื่องจากบ้านอยู่ในพื้นที่ สน.บางซื่อ

ในทางคดีต้องรอให้ศาลไต่สวน

ผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา และ นพ.ประกิตเผ่าเสียก่อนในวันที่ 2 มี.ค. ว่ามีอาการทางประสาทจริงหรือไม่ หากไม่ได้เป็นจริง ผู้ที่ร่วมกันนำตัว นพ.ประกิตเผ่าไปส่งที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยวผู้ใดให้ปราศจากเสรีภาพ

ซึ่งจากที่ได้รับรายงาน โรงพยาบาลศรีธัญญาว่า

ผู้ที่นำตัว นพ.ประกิตเผ่าไปส่งคือมารดาและญาติตัวเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวตำรวจกองปราบปราม 4 นาย คอยเฝ้าดูแล พล.ต.ต.รณรงค์กล่าวว่า ต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หรือถูกหลอกไปเป็นเครื่องมือหรือปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ต้องดำเนินการต่อไป


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์