อียูอนุญาตให้ใช้สารเคลือบผลไม้ได้

อียูอนุญาตให้ใช้สารเคลือบผลไม้ได้


สหภาพยุโรปประกาศแก้ไขระเบียบอนุญาตใช้สารเคลือบผิวในผลไม้บางชนิด

นางปราณี  ศิริพันธ์  อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ  เปิดเผยว่า ขณะนี้สหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกระเบียบ Commission Regulation (EU) No 1147/2012 เพื่อปรับปรุงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตใช้สารเติมแต่งในอาหาร ได้แก่ ขี้ผึ้ง คาร์นอบาแว็กซ์ เชลแล็ก  และไมโครคริสตัลลินแว็กซ์ เป็นสารเคลือบผิวในผลไม้บางชนิด เช่น การใช้ขี้ผึ้งเคลือบผิวในพริก มะเขือเทศ แตงกวา กล้วย มะม่วง อโวคาโด ทับทิม และผลไม้อื่นๆ การใช้คาร์นอบาแว็กซ์และเชลแล็กในทับทิม มะม่วง อโวคาโด และมะละกอ และการใช้ไมโครคริสตัลลินแว็กซ์ในสับปะรด เป็นต้น ซึ่งระเบียบอนุญาตมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 25 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การที่สหภาพยุโรปอนุญาตการใช้ขี้ผึ้ง คาร์นอบาแว็กซ์ เชลแล็ก และไมโครคริสตัลลินแว็กซ์ เป็นสารเคลือบผิวในผักผลไม้นั้น เนื่องจากได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการใช้สารเติมแต่งเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการเก็บรักษาผักผลไม้ ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผักผลไม้ เนื่องจากสารเคลือบผิวสามารถป้องกันการสูญเสียน้ำและออกซิเดชั่นของผักผลไม้ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและจุลินทรีย์บางชนิด อีกทั้งยังช่วยปกป้องผักผลไม้ไม่ให้เกิดการเน่าเสียระหว่างการขนส่งระยะทางไกล โดยเฉพาะผักผลไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศในเขตร้อน นอกจากนั้น การเคลือบผิวเป็นเพียงวิธีการทางภายนอกเท่านั้น ไม่แทรกซึมเข้าไปในเนื้อผลไม้ ดังนั้นจึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค

การส่งออกสินค้าประเภทผักและผลไม้ของไทยไปยังอียูเฉลี่ย 3 ปี (พ.ศ. 2552-2554) มีมูลค่า 1,828.7 ล้านบาท และของปี 2555 มีมูลค่า 1,542.2 ล้านบาท จึงนับว่า อียูยังเป็นตลาดส่งออกสินค้าประเภทผักและผลไม้ที่สำคัญของไทย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์