ขอบคุณภาพจาก "คมชัดลึก" ภาพแรเงาไดโนเสาร์ สัตว์โลกล้านปี ที่มีมิติและเรื่องราวดูมีชีวิตชีวาเหมือนไดโนเสาร์ภาพวาดบนกระดาษจะโลดแล่นทะลุออกจากกระดาษได้จริง
รายละเอียดและลายเส้นที่ปรากฏแทบไม่ต่างจากนักวาดภาพมืออาชีพ แต่นี่กลับเป็นผลงานของนักวาดภาพ ศิลปินตัวน้อย "น้องข้าวจี่" ด.ช.สักก์ วีระทวีมาศ วัย 7 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บุตรชายคนเดียวของ ผศ.ดร.ทรงยศ วีระทวีมาศ คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และนางกิตติมา วีระทวีมาศ นักธุรกิจที่ปัจจุบันทุ่มเทให้แก่การเลี้ยงดูบุตรชายตัวน้อยอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ เมื่อ "ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้มีโอกาสชมภาพวาดฝีมือของน้องข้าวจี่พบว่า
แต่ละรูปมีความสวยงามเกินอายุของเด็ก 7 ขวบจะสามารถวาดภาพในลักษณะดังกล่าวได้ แต่ละรูปเป็นการเขียนลายเส้น โดยเฉพาะการแต่งเติมลักษณะเด่นของรูปภาพที่น้องข้าวจี่วาด อาทิ ภาพวาดพระพุทธรูป เจ้าแม่กวนอิม โดยแต่ละภาพจะเป็นการเล่าเรื่องราว นอกจากนี้ยังมีภาพวาดไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ที่มีรูปร่าง หน้าตา ฟัน และแผงหลัง ลักษณะเฉพาะของสัตว์โลกล้านปีตัวโปรดได้อย่างสวยงาม พร้อมกับการเพิ่มเติมเทคนิคการวาดแบบแรเงาด้วยการใช้ดินสอระบายภาพให้เข้ม แล้วใช้นิ้วมือเกลี่ยให้ภาพดูมีมิติมากขึ้น เมื่อสอบถามพบว่า เป็นเทคนิคที่น้องข้าวจี่สนใจเรียนรู้วาดภาพด้วยการเริ่มจากพ่อลงมือแรเงาให้ดู
ผศ.ดร.ทรงยศเล่าถึงพรสวรรค์ของน้องข้าวจี่ บุตรชายว่า เริ่มสอนให้น้องข้าวจี่จับดินสออายุ 8 เดือน
ตอนนั้นขีดเขียนลงบนกระดาษตามประสาเด็ก ครั้งแรกเป็นลายเส้นขยุกขยิกยังไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร ช่วงเด็กน้องข้าวจี่ชอบยืนจับประตูหน้าบ้านมอง และจับประตูได้เป็นชั่วโมง เมื่ออายุ 1 ขวบภาพแรกที่วาดคือ ประตูหน้าบ้าน ซึ่งเป็นภาพในความทรงจำ ประตูที่วาดส่วนใหญ่จะเป็นเส้นตรง น้องข้าวจี่จึงมีทักษะการใช้มือดีมาก ประตูแต่ละบานมีความแตกต่างกันที่รายละเอียด เคยเห็นแบบไหนก็วาดไปตามความจำ ช่วยฝึกมือ ทักษะและความจำได้ดี ทำให้เป็นเด็กมีสมาธิ ใจเย็น ช่างสังเกต และมองโลกในแง่ดี
"เรามีสมุดวาดเขียนกองโตที่ช่วยกันเก็บสะสมตั้งแต่ข้าวจี่เริ่มหัดวาดภาพ รวมถึงกระดาษหน้าเดียวที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยแต่ละเล่มมีภาพวาดเรื่องที่ข้าวจี่ให้ความสนใจในแต่ละช่วงวัย ลูกจะเริ่มหัดวาดรูปตั้งแต่อายุ 1 ขวบ โดยวาดประตูหน้าบ้านหลายแบบ เมื่ออายุ 3-4 ขวบ สนใจวาดภาพพระพุทธรูป และเจ้าแม่กวนอิม ต่อมาเมื่ออายุ 5 ขวบดูการ์ตูนเรื่องนีโมและท่องเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ จ. ชลบุรี ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ จึงอ่านหนังสือและวาดภาพเกี่ยวกับสัตว์โลกใต้ทะเลทั้งโลมา และฉลาม ส่วนปัจจุบันกำลังสนใจวาดภาพของสัตว์โลกล้านปีอย่างไดโนเสาร์ทุกสายพันธุ์ โดยแต่ละภาพดูมีชีวิตชีวา เจ้าสัตว์ยักษ์โลดแล่นเหมือนมีชีวิต" ผศ.ดร.ทรงยศกล่าว
ผศ.ดร.ทรงยศ กล่าวต่อว่า โลกของบุตรชายไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ ที่มีเวลาเรียน เวลาเล่น
มีสังคมเพื่อนของเด็กในวัยเดียวกัน แต่ลูกชอบใช้เวลาว่างวาดรูปวันละ 2-3 ชั่วโมง แรงบันดาลใจในการวาดภาพส่วนใหญ่จะมาจากหนังสือ การได้เดินทางท่องเที่ยว และดูจากสารคดีต่างๆ
“ข้าวจี่เห็นพระพุทธรูปครั้งแรก ชอบและสนใจมากไปหาหนังสือแล้วบอกให้ผมวาดให้ดู เขาต้องการให้วาดภาพไหนจะชี้บอก ผมจะวาดตามที่เขาบอก แต่ไม่ได้สอนอะไร ไม่ได้คุยอะไรกัน เขาจะนั่งดูอยู่ใกล้ๆ นั่งมองเส้นที่เราวาด วาดให้ดูทุกวันนานประมาณ 6-7 เดือน เมื่อช่วงอายุ 3-4 ขวบ เขาลองวาดพระพุทธรูปเอง เป็นลายเส้นง่ายๆ ที่พยายามวาดตามที่เราวาด เขาจะช่างสังเกต กษณะเฉพาะ หากวาดไดโนเสาร์แต่ละตัว แต่ละชนิด จะสังเกตแยกแยะความแตกต่างของแต่ละสายพันธุ์ได้ นอกจากนี้ข้าวจี่จะดูจากหนังสือแผ่นวิซีดีสารคดี การ์ตูนเรื่องนีโม และเรียนรู้เทคนิคการวาดผ่านทางยูทูบ งเขาจะเข้ามาใช้อินเทร์เน็ตช่วงระหว่างที่รอผมทำงาน วันละประมาณ 30 นาที วันนี้ไม่ต้องวาดให้ดูแล้ว ภาพวาดที่สนใจ วาดเยอะมาก ผมตามเก็บไม่ทัน” ผศ.ดร.ทรงยศกล่าว
ด้านนางกิตติมา แม่ศิลปินเด็กอัจฉริยะ กล่าวว่า ทั้งพ่อและแม่ต่างไม่ได้มุ่งหวังให้ลูกชายคนเดียวต้องเข้าประกวด ต้องมีชื่อเสียงใดๆ
ซึ่งหากลูกรักการวาดภาพพร้อมที่จะสนับสนุน เพราะถือว่าการวาดภาพเป็นการเสริมสร้างทักษะชีวิต ช่วยให้ข้าวจี่เข้าใจตัวเอง มองโลกในแง่ดี โดยใช้ศิลปะเป็นสิ่งช่วยขัดเกลาจิตใจ ก็จะทำให้ใช้ชีวิตในวันข้างหน้าของลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีความสุข
ขณะที่น้องข้าวจี่ กล่าวว่า เมื่อกลับจากโรงเรียน จะทำการบ้าน จากนั้นจะเริ่มวาดรูป ตอนนี้กำลังสนใจชอบวาดไดโนเสาร์มากที่สุด โดยจะดูจากหนังสือแล้วก็วาดตาม
ขอบคุณภาพจาก "คมชัดลึก"
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
