เอแบคโพลล์ ชี้ เด็กไทย เกือบ 50 % ตั้งใจแทงโต๊ะบอลยูโร ใช้วงเงิน 5,086 บาท

สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยศูนย์การเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม

ได้ร่วมกับ ศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ดำเนินงานวิจัยเชิงสำรวจความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนต่อการติดตามรับชมรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2012” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การติดตามการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ของเด็กและเยาวชน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการเฝ้าระวังปัญหาทางสังคม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำไปใช้ในการกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบที่จะมีต่อเด็กและเยาวชนในการติดตามรับชมรายการฟุตบอลต่างๆ ในระยะต่อๆ ไป

การสำรวจครั้งนี้ มีกลุ่มตัวอย่าง คือ เด็กและเยาวชนที่มีอายุ 12-25 ปี ที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,309 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 - 27 มิถุนายน 2555  ที่ผ่านมา สรุปสาระสำคัญที่ได้ดังต่อไปนี้


ตัวอย่างส่วนมากหรือร้อยละ 69.3 ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012  และร้อยละ 30.7 ไม่ได้ติดตาม  และบุคคลใกล้ชิดของตัวอย่างที่ติดตามรับชมการแข่งขันฟุตบอลในครั้งนี้ กว่าครึ่งหรือร้อยละ 59.6 เป็นเพื่อน/คนรู้จัก รองลงมาร้อยละ 40.2 เป็นคนในครอบครัว ร้อยละ 28.0 เป็นญาติพี่น้อง และร้อยละ 14.6 เป็นคู่รัก/แฟน ตามลำดับ


เอแบคโพลล์ ชี้ เด็กไทย เกือบ 50 % ตั้งใจแทงโต๊ะบอลยูโร ใช้วงเงิน 5,086 บาท

ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.4 เป็นห่วงหรือวิตกกังวลต่อบุคคลใกล้ชิดในการติดตามรับชมการแข่งขันฟุตบอล ในเรื่องการนอนดึก/อดนอน รองลงมาหรือร้อยละ 36.1 เรื่องเสียงาน/เสียการเรียน ร้อยละ 32.8 เรื่องการเล่นพนันทายผลฟุตบอล ร้อยละ 17.6 ปัญหาหนี้สินจากการพนัน ตามลำดับ นอกจากนี้ เป็นเรื่อง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด  เป็นต้น


ประเด็นที่น่าพิจารณา คือ ตัวอย่างกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 36.5  เคยพบเห็นหรือรับรู้ว่ามีคนในครอบครัว หรือเพื่อน/คนรู้จักใกล้ชิดเล่นพนันทายผลฟุตบอล โดยบุคคลที่พบมากที่สุด คือ เพื่อน/คนรู้จัก คิดเป็นร้อยละ 75.1 รองลงมาเป็นญาติพี่น้องคิดเป็นร้อยละ 21.7  คนในครอบครัว คิดเป็นร้อยละ 12.6 และคู่รัก/แฟน คิดเป็นร้อยละ 11.5 ตามลำดับ


ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.6 ไม่เคยเล่นพนันทายผลฟุตบอล

 แต่มีจำนวนร้อยละ 9.6 ระบุว่าเคยเล่นแต่ปัจจุบันเลิกเล่นแล้ว และร้อยละ 5.8 ระบุว่าเคยเล่นและปัจจุบันยังเล่นอยู่ ซึ่งผู้ที่เคยเล่นให้เหตุผล กล่าวคือ อันดับที่หนึ่งหรือร้อยละ 59.9 ระบุทำให้การเชียร์ฟุตบอลสนุกตื่นเต้น อันดับที่สองหรือร้อยละ 30.7 เล่นตามเพื่อน อันดับที่สามหรือร้อยละ 23.8 อยากลอง อันดับที่สี่หรือร้อยละ 17.3 ระบุมั่นใจว่ามีโอกาส  “ได้เงิน” มากกว่า “เสียเงิน” และอันดับที่ห้าหรือร้อยละ 14.9 ระบุชอบการเล่นพนัน และเหตุผลอื่นๆ คือ เพื่อหาเงินล้างหนี้ มีแหล่งพนัน/โต๊ะบอลในชุมชนที่พักอาศัย มีคนในครอบครัวหรือคนรู้จักใกล้ชิด รับแทงพนันบอล และเล่นตามคนในครอบครัว ตามลำดับ


ตัวอย่างส่วนมากหรือร้อยละ 61.0 ระบุได้เงินจากการเล่นพนันทายผลฟุตบอลครั้งล่าสุด โดยเฉลี่ย 3,208.26  บาท

ในขณะที่ตัวอย่างร้อยละ 39.0 ระบุเสียเงินจากการเล่นพนันทายผลฟุตบอลโดยเฉลี่ย 3,191.11 บาท และมีตัวอย่างร้อยละ 7.4 เป็นหนี้สินจากการเล่นพนันทายผลฟุตบอล


สำหรับบุคคลที่เคยเล่นทายพนันบอล พบว่า ตัวอย่างกว่าครึ่งหรือร้อยละ 56.2 เล่นกับเพื่อน

รองลงมาหรือร้อยละ 36.3 เล่นกับโต๊ะบอล ร้อยละ 12.9 เล่นกับญาติ/พี่น้อง และร้อยละ 8.5 เล่นผ่านทางอินเทอร์เน็ต  มีกลุ่มตัวอย่างกว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25.4 เคยชักชวนญาติพี่น้อง/เพื่อน/คนรู้จักให้เล่นทายพนันบอล
ที่น่าเป็นห่วง คือ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ระบุว่าจะไม่เล่นพนันบอล (ร้อยละ 87.2 ) แต่มีจำนวนตัวอย่างถึงร้อยละ 4.5 ที่ตั้งใจจะเล่นพนันบอล และร้อยละ 8.3 ยังไม่แน่ใจ โดยผู้ที่ตั้งใจจะเล่นพนันบอลมีช่องทางต่างๆ กล่าวคือ

ตัวอย่างเกือบครึ่งหรือร้อยละ 47.5 ตั้งใจจะแทงที่โต๊ะบอล ร้อยละ 33.9 ตั้งใจจะเล่นกับเพื่อนร่วมสถาบัน/เพื่อนร่วมงาน ร้อยละ 13.6 ตั้งใจจะเล่นกับญาติ/พี่น้อง
 
นอกจากนี้ ตั้งใจจะเล่นกับคนรู้จักในละแวกบ้าน/ชุมชน เล่นผ่านทางอินเทอร์เน็ต/ออนไลน์ เล่นกับโต๊ะบอลผ่านทางโทรศัพท์ เล่นกับโต๊ะบอลผ่านเด็กเดินโพย  และตั้งใจจะเล่นกับผู้ที่มาชมการถ่ายทอดฟุตบอลตามสถานบันเทิงที่มีการถ่ายทอดสด ทั้งนี้ มีถึง ร้อยละ 6.8 ที่ตั้งใจจะรับเป็นเจ้ามือ/รับแทงเอง


สำหรับวงเงินที่ตั้งใจเตรียมไว้เล่นทายพนันฟุตบอล เฉลี่ยประมาณ 5,086 บาท  ส่วนแหล่งที่มาของเงิน พบว่าตัวอย่างกว่าครึ่งหรือร้อยละ 65.5 ได้จากการทำงานหาเงินเอง ร้อยละ 22.4 จากเงินออม และ ร้อยละ 12.1 จากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง/คนในครอบครัว


การเล่นทายพนันฟุตบอลในกรณีเงินที่เตรียมไว้เล่นหมดแต่ยังมีการแข่งขันอยู่

พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตั้งใจว่าจะเล่นพนันบอลจำนวนร้อยละ 13.6 จะกู้ยืมเงินมาเล่นเพิ่ม และร้อยละ 20.3 จะหาเงินจากแหล่งอื่นมาเพิ่ม อาทิ จากเงินออม หางานทำเสริม ทำงานผิดกฎหมาย และตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.1 ระบุจะเลิกเล่น ตามลำดับ
ที่น่าเป็นห่วง คือ เมื่อทำการจำแนกความตั้งใจที่จะเล่นทายพนันบอลตามเพศ พบว่ามีตัวอย่างเพศหญิงเกือบร้อยละ 7 ที่ระบุตั้งใจที่จะเล่นพนันบอล และเมื่อทำการจำแนกตามลักษณะที่พักอาศัยในปัจจุบัน พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตั้งใจจะเล่นทายพนันบอลจะพักอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยว คิดเป็นร้อยละ 35.6  แมนชั่น /อพาร์ตเมนต์/หอพักของเอกชน คิดเป็นร้อยละ 33.9 คอนโดมิเนียม คิดเป็น   ร้อยละ 13.6 ตามลำดับ


นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างที่ตั้งใจว่าจะเล่นพนันบอลเกินกว่าครึ่งหรือร้อยละ 55.2 ระบุเห็นด้วยกับความคิดที่ว่า “การเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมไทย”


สำหรับข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเล่นทายผลพนันฟุตบอล พบว่า กลุ่มตัวอย่าง (ที่ตั้งใจว่าจะเล่น และยังไม่แน่ใจว่าจะเล่น) จำนวนครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.0 ระบุให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด/ตำรวจตรวจตรามากขึ้น ร้อยละ 35.7 ระบุให้ออกกฎหมายเข้มกว่าเดิม /เพิ่มบทลงโทษหนักกว่าเดิม /ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ร้อยละ 14.3 ระบุให้มีการรณรงค์ช่วยต่อต้านการพนันบอล และร้อยละ 7.1 ให้ช่วยสอดส่องดูแลคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมากขึ้น ตามลำดับ


ในการนี้ หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบในการกำหนดมาตรการในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการเล่นทายผลพนันฟุตบอลในกลุ่มเด็กและเยาวชน ในระยะต่อๆ ไป


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์