สั่งตรวจสอบที่มาพระสวดมนต์จังหวะเพลงแร็พ-ร็อก งานขึ้นบ้านใหม่

สั่งตรวจสอบที่มาพระสวดมนต์จังหวะเพลงแร็พ-ร็อก งานขึ้นบ้านใหม่

จากกรณีผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งว่า
 
เกิดกระแสฮือฮาในเครือข่ายเว็บเฟซบุ๊กมีการแชร์วีดีโอ พระสวดมนต์เป็นทำนองเพลงร็อกและจังหวะแร็พ จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่า ที่มาเป็นคลิปวีดีโอในยูทูบและเฟซบุ๊ก ชื่อว่า "เพิ่งเคยเห็นพระเทศน์เป็นจังหวะ rock ก็งานนี้แหละ (งานขึ้นบ้านใหม่)"  ซึ่งพระหนุ่มในคลิปดังกล่าวสวดมนต์บทสะเดาะเคราะห์ สวดมนต์บทกำแพงแก้ว 7 ชั้นด้วยลีลาน้ำเสียงกระแทกเน้น เหมือนกับจังกวะเพลงแร็พ ขณะที่พระสงฆ์แต่ละรูป ออกเสียงดังก้องกังวาน จนมีผู้เข้าไปชมเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังโพสข้อความแสดงความคิดเห็นกันต่างๆ นานา ส่วนใหญ่จะเป็นการชื่นชมที่พระว่าสวดมนต์เน้นหนักแน่นดีในช่วงหวะที่ขับไล่สิ่งไม่ดีต่างๆ ออกไป ฟังแล้วสบายใจ  

 จากข้อมูลเท่าที่พบในเว็บ พบว่าเป็นการสวดมนต์ในการทำบุญขึ้นบ้านใหม่  เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2555  ที่ผ่านมา
 
แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นพระสงฆ์วัดใดและจังหวัดใด  สำหรับบทสวดในคลิปเป็นบทสวดกำแพงแก้ว 7 ชั้น และบทสวดสะเดาะเคราะห์ ซึ่งพระมักจะสวดให้กับผู้คนที่ทำบุญสะเดาะเคราะห์ต่อดวงสะตา 

 ด้านพระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา รองเจ้าอาวาสวัดศาลาปูน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา  กล่าวว่า
 
จากการที่ได้ดูคลิปวีดีโอการสวดนต์ของพระสงฆ์ที่เป็นบทสวดสะเดาะเคราะห์นั้น เท่าที่ฟังดูแล้วไม่เหมาะสม การสวดแบบนี้เป็นการสวดเอาใจเจ้าภาพ มักสวดกันในงานทำบุญบ้าน และงานพิธิเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ จริงๆ แล้วการสวดมนต์จะต้องสวดให้เป็นจังหวะ มีทำนอง สำรวมให้สวยงาม เพื่อเป็นการให้พรญาติโยมและสืบทอดคำสอนของพระพุทธเจ้า เท่าที่ดูขณะนี้ไม่น่าจะใช่พระสงฆ์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะได้เร่งหาว่าเป็นพระสงฆ์วัดใด และต้องประชุมพระเพื่อหาที่มากันต่อไป

 ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า
 
ขณะนี้ยังไม่เห็นคลิปที่มีการเผยแพร่ดังกล่าว ซึ่งหากเป็นพระในนิกายเถรวาทมีความผิดแน่นอน เนื่องจากมีธรรมเนียบปฏิบัติ บทบัญญัติที่ชัดเจนว่าพระสงฆ์ในนิกายนี้ห้ามมีกิจกรรมการละเล่นขับร้อง หรือกิจกรรมบันเทิง อย่างไรก็ตามในส่วนของบทลงโทษ ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าระดับไหน เพราะเรื่องนี้ต้องให้ฝ่ายสงฆ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยหาต้นตอการเผยแพร่ว่าเป็นพระสงฆ์วัดไหน ซึ่งโดยขั้นตอนการสืบหาข้อเท็จจริงและบทลงโทษหลังจากพบว่าเผยแพร่มาจากที่ไหน เป็นพระวัดใด จะเป็นดุลพินิจของฝ่ายสงฆ์ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเชื่อว่าคณะสงฆ์จะพิจารณาใน 2 แนวทาง และมีระดับการลงโทษที่แตกต่างกันไป คือพิจารณาว่าพระรูปนั้นกระทำไปด้วยความคึกคะนอง หรือมีเจตนาที่จะทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ซึ่งต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์