คิง เพาเวอร์ เตรียมแจงกรณีการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์สุวรรณภูมิ

บริหาร คิง เพาเวอร์


เตรียมชี้แจงการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์และร้านค้าปลอดภาษีในช่วงบ่ายของวันนี้ (29 ม.ค.) ยืนยันที่ผ่านมาทำตามสัญญาและนโยบายที่ได้จาก ทอท.ในฐานะเจ้าของพื้นที่และรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ขณะที่คณะกรรมการกลางฯ จะทำการประชุมร่วมกันในเย็นวันนี้ เพื่อหาแนวทางและข้อมูลที่ต้องการใช้ในการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหารันเวย์และแท็กซี่เวย์เพิ่มเติม

นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการ


กลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์และร้านค้าปลอดภาษีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ชุดใหม่ มีมติจะดำเนินคดีกับ คิง เพาเวอร์ ในข้อหามีการใช้พื้นที่เกินกว่าสัญญาที่ทำกับ ทอท. โดย คิง เพาเวอร์

ขอยืนยันว่า

ที่ผ่านมาได้ทำตามสัญญาที่ได้ดำเนินการกับ ทอท. อย่างเคร่งครัด และการใช้พื้นที่ก็มีการส่งแบบเพื่อขออนุญาตก่อสร้างจากคณะอนุกรรมการพิจารณาของ ทอท. จนถึงการนำเรื่องขออนุมัติจากคณะกรรมการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทุกครั้ง

โดยรายละเอียดประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกต


เรื่องการใช้พื้นที่เกินประมาณ 12,600 ตร.ม. นั้น โดยคณะกรรมการ กทภ. ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ให้นโยบายจะต้องมีการใช้พื้นที่ เพื่อทำให้ร้านค้าปลอดภาษีและพื้นที่เชิงพาณิชย์มีความทันสมัย มีสินค้าแบรนด์เนมครบ เมื่อเปรียบเทียบกับสนามบินคู่แข่ง เช่น สนามบินของสิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งนโยบายดังกล่าวทำให้ไม่สามารถกำหนดพื้นที่ได้ชัดเจน

แต่สัญญาฉบับนี้ก็ได้มีการแนบท้ายชัดเจนว่า

หากมีการใช้พื้นที่เกินออกไป ทอท. ก็ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดเก็บรายเพิ่มเติมตามเนื้อที่ แต่หากบอร์ด ทอท. ชุดปัจจุบัน และรัฐบาลเห็นว่าจำเป็นต้องมีการปรับพื้นที่เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากขึ้น ทาง คิง เพาเวอร์ ก็ไม่ขัดข้อง แต่ต้องมีการเจรจาให้เหตุผลแก่ คิง เพาเวอร์ ชัดเจนว่ามีพื้นที่ใดบ้าง และต้องลดพื้นที่ลงเท่าใด และค่าเสียหายที่เกิดขึ้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ส่วนกรณีที่คณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบสัญญาบริษัท คิง เพาเวอร์


ที่มี พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ เป็นประธาน ระบุว่าในสัญญาเสนอราคาว่าจ้างที่ คิง เพาเวอร์ เสนอให้กับ ทอท. โดยเฉพาะการเสนอเงินค่าตอบแทนล่วงหน้านอกเหนือจากเงินประกันรายได้ ทำให้รัฐเสียประโยชน์เป็นเงินจำนวน 2,000 ล้านบาทนั้น ในส่วนนี้ก็เป็นสัญญาที่ได้จากการประเมินรายได้ที่จะมีในอนาคต เสมือนค่าเช่าพื้นที่ที่คิง เพาเวอร์ ตกลงจะจ่ายให้ก่อน ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมคณะอนุกรรมการฯ จึงมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการทำให้รัฐเสียผลประโยชน์

ส่วนการที่ ทอท. มีนโยบายย้ายเที่ยวบินภายในประเทศ


กลับมาใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพนั้น ส่วนหนึ่งมาจากข่าวในด้านลบ ทั้งเรื่องปัญหารันเวย์และแท็กซี่เวย์ร้าวนั้น คิง เพาเวอร์ เห็นว่าปัจจุบันข่าวในด้านลบของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีออกมามากและบางเรื่องเกินความเป็นจริง ซึ่งในฐานะภาคเอกชนเห็นว่ารัฐบาล และ ทอท. ควรแยกปัญหาการซ่อมแซมพื้นที่และการตรวจสอบทุจริตออกจากกัน ไม่เช่นนั้นท้ายที่สุดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เป็นสมบัติของชาติและของคนไทยทุกคนก็จะได้รับความเสียหายเสมือนเราทุกคนร่วมกันชำเราทรัพย์สินของตัวเอง

ด้านนายต่อตระกูล ยมนาค


ประธานคณะกรรมการกลางตรวจสอบการชำรุดของแท็กซี่เวย์และรันเวย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการขุดหลุมเพื่อตรวจสอบทรายและดินที่ใช้ก่อสร้างรันเวย์และแท็กซี่เวย์ที่มีปัญหาแล้ว ซึ่งคาดว่าภายในวันนี้จะสามารถนำทรายขึ้นมาตรวจสอบหาปริมาณน้ำและความหนาแน่นของทรายได้ และจะมีการแบ่งทรายส่วนหนึ่งให้ผู้เชี่ยวชาญของกรมทางหลวง และนักวิชาการในมหาวิทยาลัยเข้าทำการตรวจสอบอีกครั้ง



แต่ทั้งนี้หากทรายที่นำมาตรวจสอบไม่สามารถชี้ชัดถึงสาเหตุการแตกร่อน


และทรุดตัวของแท็กซี่เวย์และรันเวย์ที่มีปัญหา ก็จะทำการขุดเข้าไปให้ถึงชั้นดินจนกว่าจะพบสาเหตุที่แท้จริง และในช่วงเย็นวันนี้คณะกรรมการกลางฯ จะทำการประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางและข้อมูลที่ต้องการใช้ในการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเพิ่มเติม พร้อมทั้งประเมินว่ามีส่วนใดบ้างที่ต้องทำการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนที่สุด เช่น คุณภาพของยาง หิน และทรายที่ใช้ในการก่อสร้างแท็กซี่เวย์ เพื่อให้ได้ผลสรุปที่ชัดเจนมีหลักฐานยืนยันสาเหตุได้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ภายใน 2 สัปดาห์


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์