ภาพจาก ThaiPBSผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้ศาลาเก็บพระไตรปิฎกและหนังสือโบราณ ภายในวัดพนัญเชิงวรวิหาร เนื่องจากเป็นพระรามหลวงที่มีความสำคัญมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องฉีดน้ำเลี้ยงเพื่อป้องกันไม่ให้เพลิงปะทุขึ้นมาอีก แต่ก็ได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารไม้สักทรงไทยเกือบทั้งหลัง ซึ่งเป็นศาลาเก็บพระไตรปิฎกและหนังสือโบราณ ภายในวัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วานนี้ (24 เม.ย.)
อาคารหลังนี้ ปรับปรุงจากอาคารเก่า ขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 40 เมตร เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นบนทำจากไม้สักทองทั้งหลัง ชั้นล่างเป็นปูน ตกแต่งแบบจตุรมุข วิจิตร สวยงาม การปรับปรุงใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ โดยใช้งบประมาณประมาณ 100 ล้านบาทระหว่างเกิดเหตุนั้น การเข้าพื้นที่เพื่อดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเส้นทางไปยังอาคารที่เกิดเหตุมีความคับแคบเจ้าหน้าที่จึงต้องลากสายน้ำดับเพลิงระยะทางหลายสิบเมตร ในการฉีดระดมน้ำจนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหายเบื้องต้น กว่า 100 ล้านบาท แต่หลายคนบอกว่าประเมินค่าไม่ได้
จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยิงเสียงปะทุคล้ายระเบิด จากนั้นได้เกิดกลุ่มควันและเปลวไฟบริเวณหลังคาของอาคาร ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า อาจมาจากไฟฟ้าลัดวงจร
นายชัยนันท์ บุษยรัตน์ ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยภายหลังตรวจความเสียหาย ว่าอาคารเสียหายจนใช้การไม่ได้แล้ว แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อโบราณสถาน วิหารหลวงพ่อโต วัดเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความเสียหายและเร่งสอบสวนถึงสาเหตุที่แน่ชัด
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
