เปิดตัวแล้ว วินโดวส์วิสต้า ย้ำไม่ได้ลอกแม็คอินทอช

ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการชุดประวัติศาสตร์


"วินโดวส์ วิสต้า" เวอร์ชันสำหรับองค์กรธุรกิจแล้วในประเทศไทย ผู้ค้าพีซีเฮเชื่อมั่นวิสต้าจะเป็นตัวกระตุ้นให้อุตสาหกรรมพีซีรอดพ้นจากวิบากกรรมเศรษฐกิจชะลอตัว ชี้ไม่แพงอย่างที่หลายคนเข้าใจ

และไม่ได้ลอกแม็คอินทอช แต่เพราะมีโจทย์ข้อเดียวกัน จึงทำให้ผลลัพท์ในการพัฒนาโปรแกรมออกมาในแนวทางเดียวกัน พร้อมเปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชันต่อไป โค้ดเนม "Blackcomb"

โปรแกรมที่ไมโครซอฟท์เปิดตัวในครั้งนี้


ประกอบด้วย ระบบปฏิบัติการวินโดวส์วิสต้า โปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 2007 และไมโครซอฟท์เอ็กซ์เชนจ์ 2007 เวอร์ชันสมบูรณ์ เป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์แก่กลุ่มองค์กรธุรกิจ สำหรับวิสต้าเวอร์ชันสำหรับผู้บริโภคทั่วไปมีฤกษ์เปิดตัววันที่ 30 มกราคมนี้ และเวอร์ชันภาษาไทยจะวางจำหน่ายในอีก 3-4 เดือนให้หลัง

มร.แอนดรูว์ แม็คบีน


กรรมการผู้จัดการบริษัท ไมโครซอฟท์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวด้วยความเชื่อมั่นว่า การหันมาใช้งานวิสต้าแทนเอ็กซ์พีในประเทศไทยจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าช่วงปีแรกของการเปิดตัว จะมีองค์กรธุรกิจประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่หันมาใช้วิสต้า และพีซีใหม่ราว 90 เปอร์เซ็นต์ที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปีนี้จะมาพร้อมวินโดวส์วิสต้า

ดูจากตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตสูง


เชื่อว่าคนไทยชอบลองของใหม่ น่าจะอยากลองวิสต้าบ้าง ขณะนี้ 55 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรทั่วประเทศไทยมีการใช้งานวินโดวส์เอ็กซ์พี เชื่อว่าอีก 45 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือซึ่งยังใช้วินโดวส์เวอร์ชั่นเก่าอยู่ จะสนใจเปลี่ยนเป็นวิสต้าเลย ข้ามเอ็กซ์พีไป

พร้อมกันนั้นยังระบุด้วยว่า


ในตลาดผู้บริโภคทั่วไปจะเปลี่ยนมาใช้วิสต้าได้รวดเร็วกว่าตลาดองค์กรธุรกิจ เชื่อว่าปีแรกน่าจะอยู่ที่ 10-15 เปอร์เซ็นต์

จากวินโดวส์ 98 มาเป็นเอ็กซ์พีใช้เวลา 2 ปี


วิสต้าเชื่อว่าจะเร็วกว่า 2 ปี จำนวนการดาวน์โหลดโปรแกรมไปทดลองใช้ในประเทศไทยมีจำนวนราว 8 หมื่นครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มตลาดที่สนใจในวิสต้าจริงๆ แม้จะไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นผู้ใช้ประเภทองค์กรธุรกิจหรือผู้บริโภคทั่วไป

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ


กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) เชื่อว่าวินโดวส์วิสต้าจะช่วยกู้วิกฤตจากภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองของประเทศไทยได้ โดยย้ำว่าหากมีการให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการเรื่องข้อมูลการสำรวจของไมโครซอฟท์ที่ว่า การลงทุนวิสต้า 1 เหรียญ จะได้กลับคืนมา 18 เหรียญ จะทำให้วิสต้าขยายตัวในตลาดองค์กรธุรกิจเร็วมากขึ้น

การออกวิสต้าถือเป็นข่าวดี


เพราะจะทำให้คนสนใจอัปเดทเครื่อง และยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างซอฟต์แวร์ 64 บิต ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมครั้งใหม่ได้ เชื่อว่าการแข่งขันในตลาดนี้จะรุนแรงมากในอนาคต สำหรับเรื่องการลงทุนวิสต้า 1 เหรียญ จะได้กลับคืนมา 18 เหรียญ มันคือความสามารถในการสร้างงาน ซึ่งหากไมโครซอฟท์สามารถแสดงเรื่องนี้ให้ธุรกิจองค์กรเห็นอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะทำให้คนเข้าใจมากขึ้น

มร.แอนดรูว์ให้ข้อมูลว่า


วิสต้าใช้เวลาในการพัฒนานาน 6 ปี เงินทุนที่ใช้ในการพัฒนาราว 6 พันล้านเหรียญ แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่น แต่เดิมเคยมีการทดสอบ 2 ล้านครั้ง แต่วิสต้ามีการทดสอบทั้งสิ้นราว 2.5 ล้านครั้ง

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุด


ที่มาพร้อมกับวิสต้าคือ BitLocker ที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เอาไว้ ทำให้แม้ฮาร์ดดิสก์ถูกขโมยแต่ผู้ไม่ประสงค์ดีก็ไม่สามารถเปิดออกอ่านได้นั่นเอง โดยฟีเจอร์ BitLocker จะมีเฉพาะวิสต้าเวอร์ชันสำหรับองค์กร และเวอร์ชันพรีเมียมเท่านั้น

ไอดีซีคาดว่าจะมีคอมพิวเตอร์กว่า


100 ล้านเครื่องทั่วโลกติดตั้งวิสต้าภายในปีแรกที่วางจำหน่าย ขณะที่การ์ทเนอร์คาดว่ากว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของคอมพิวเตอร์พีซีทั่วโลกในปี 2550 จะใช้วิสต้า





กลยุทธ์ราคาที่ไมโครซอฟท์จะนำมาใช้


เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานวิสต้า คือการออกเวอร์ชั่นสตาร์ทเตอร์ สำหรับผู้ใช้ระดับเริ่มต้นที่ไม่ต้องการฟังก์ชั่นการทำงานมากมาย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกเวอร์ชั่นที่มีราคาคุ้มค่าต่อการใช้งาน

สองคือการลดราคาให้กับสถาบันการศึกษา

ที่ลดราคาลงมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ สามคือราคาจำหน่ายทั่วไปที่คิดเป็นสกุลเหรียญสหรัฐนั้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์และเงินบาทที่ถูกลง เชื่อว่าจะทำให้ราคาถูกลงกว่าเอ็กซ์พี

ฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์


ให้ข้อมูลว่าราคาจำหน่ายวิสต้านั้นจะมีราคาใกล้เคียงกับเอ็กซ์พีเวอร์ชั่นเท่ากัน เช่น วิสต้าสตาร์ทเตอร์และเอ็กซืพีสตาร์ทเตอร์ หรือวิสต้าโฮม โปรเฟชชั่นนอล กับเอ็กซ์พีโปรเฟชชั่นนอล เป็นต้น

และยืนยันว่าวิสต้าไม่ใช่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชั่นสุดท้ายตามที่มีการวิเคราะห์ออกมาก่อนหน้านี้ และไมโครซอฟท์เริ่มมีการพัฒนาวินโดวส์เวอร์ชั่นต่อไปแล้วในโค้ดเนมว่า Blackcomb

ส่วนกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์


ว่าหน้าตาและคุณสมบัติบางอย่างของวิสต้าคล้ายคลึงกับโอเอสของเครื่องแม็คอินทอช ว่าไม่ใช่การลอกเลียนแบบ และไม่ได้หมายถึงไมโครซอฟท์เดินตามหลังใคร แต่ระบุว่าเป็นการแก้โจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่บังเอิญออกมาตรงกัน

"เรามีโจทย์ข้อเดียวกัน ผลลัพท์ที่ต้องการก็เป็นแบบเดียวกัน"


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์