แนะรัฐตรึงราคาดีเซล-NGV ชะลอสินค้าราคาพุ่ง

รายงานเศรษฐกิจปากท้อง โดยพรรคประชาธิปัตย์ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ระบุ่า จากการสำรวจราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสำคัญใน 10 จังหวัด ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2555 พบว่า สินค้าบางชนิดได้มีการปรับราคาสูงขึ้น เช่น ไข่ คะน้า และมะนาว ส่วนราคาอาหารตามสั่ง และก๋วยเตี๋ยว ราคาโดยรวมยังคงที่

ยกตัวอย่าง ราคาหมูเนื้อแดง อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งให้ขายไม่เกิน 100 บาทต่อกก.ในพื้นที่ตลาดเขตภาคกลางเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 ส่วนห้างสรรพสินค้าขายไม่เกิน 105 บาทต่อกก.นั้น ตามรายงานดัชนีปากท้องแสดงให้เห็นว่า ราคาเนื้อหมูในตลาดเขตภาคกลางยังสูงกว่าราคาควบคุมอยู่เล็กน้อย

ขณะที่ราคาอาหารสำเร็จรูป กระทรวงพาณิยช์ได้ออกประกาศแนะนำ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555

ให้ร้านอาหารจำหน่ายข้าวแกงไม่เกินจานละ 20-25 บาท และจำหน่ายอาหารตามสั่งไม่เกินจานละ 25-30 บาท และไข่ดาวราคาแนะนำอยู่ที่ฟองละ 5-6 บาท แต่ตามรายการดัชนีปากท้องแสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ร้านอาหารยังขายอาหารแพงกว่าราคาแนะนำ เนื่องจากราคาต้นทุน เช่น วัตถุดิบ น้ำมัน และก๊าซหุงต้มยังไม่มีการปรับราคา ทำให้ไม่สามารถทำตามราคาแนะนำได้ อย่างไข่ดาวขายอยู่ที่ 7-10 บาทต่อฟอง


แนะรัฐตรึงราคาดีเซล-NGV ชะลอสินค้าราคาพุ่ง

จากเสียงสะท้อนของประชาชนจะเห็นได้ว่า สินค้าควบคุม 42 รายการนั้นยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมราคา และบางทีผู้ผลิตสินค้าได้ใช้วิธีการลดปริมาณสินค้าในภาชนะ เลิกจำหน่ายสินค้า หรือปรับสูตรสินค้าขึ้นใหม่ และคิดราคาใหม่ เพื่อเลี่ยงไม่ให้โดนควบคุม


สำหรับผลกระทบการปรับโครงสร้างพลังงานจะเห็นว่า ราคาน้ำมันจากวันที่ 1 กุมภาพันธ์-12มีนาคม 2555
 
ได้มีการปรับราคาขึ้นทุกชนิด ได้แก่ ราคาน้ำมันเบนซิน 91 ปรับจาก 39.04 บาทเป็น 41.51 บาท เท่ากับเพิ่มขึ้น 2.47 บาท ,ราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ปรับจาก 36.01 บาทเป็น 38.48 บาท เท่ากับเพิ่มขึ้น 2.47 บาท ,ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 ปรับจาก 37.76 บาทเป็น 40.23 บาท เท่ากับเพิ่มขึ้น 2.47 บาท ,ราคาดีเซล ปรับจาก 31.13 บาทเป็น 32.33 บาท เท่ากับเพิ่มขึ้น 1.20 บาท และปัจจุบันเอ็นจีวี ราคาอยู่ที่ 10 บาท(ปรับเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555)


สถานการณ์ข้าวปัจจุบันพบว่า โครงสร้างราคาข้าวนาปรับ ประกอบด้วย ค่าแรงงาน 50% ค่าวัสดุ

เช่น ปุ๋ย ยา น้ำมัน ประมาณ 31% ค่าเช่าที่ดิน 15.5% อื่น  3.5% ทั้งนี้ ค่าแรงขั้นต่ำที่จะมีการปรับขึ้นทั่วประเทศ หลังวันที่ 1 เมษายน 2555 และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม ส่วนนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล การที่รัฐบาลซื้อข้าวในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด
 
มีแนวโน้มทำให้ราคาข้าวถุงในเดือนเมษายนปรับตัวสูงขึ้น 10-15% ดังนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงมีข้อเสนอแนะตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นไป จะเป็นช่วงฤดูกาลของผลไม้หลายรายการ เช่น มังคุด เงาะ และทุเรียน ซึ่งมีการปลูกในทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออก และภาคใต้ รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์จึงควรมีมาตรการรองรับผลผลิต หรือหาตลาดไว้ให้แก่ผลไม้เหล่านี้ไว้แต่เนิ่น ๆ

รัฐบาลควรมีมาตรการรองรับราคาต้นทุนที่จะสูงขึ้น จากการปรับขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ หลังวันที่ 1 เมษายน 2555
 
และนโยบายพลังงานใหม่ของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ควรไปกดราคาหน้าฟาร์มหรือราคาขายในตลาด เพราะเป็นการแทรกแซงราคากลไกตลาด และบังคับให้ประชาชนขายสินค้าในราคาขาดทุน แต่ควรจะไปควบคุมราคาต้นทุนต่าง ๆ เช่น ควรจะตรึงราคาน้ำมันดีเซล และเอ็นจีวีไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้

นอกจากนี้ รัฐบาลควบปรับปรุงหรือแก้ไขกลไกทั้งระบบ เพราะปัจจุบันมุ่งไปที่การควบคุมราคาหน้าฟาร์มต้นทาง และการควบคุมราคาหน้าแผง
 
คือ ปลายทมาง แต่ไม่ได้มีการเข้าไปควบคุมพ่อค้าคนกลางระหว่างทาง ไม่ให้ขายสินค้าในราคาที่สูงเกินไป โดยรัฐบาลควรมีมาตรการป้องกันการลักลอบนำเข้าของสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และราคาผลผลิตไทย


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์