น้องธัญย์มอบหนังสือคิดบวกให้กำลังใจยิ่งลักษณ์

น้องธัญย์มอบหนังสือคิดบวกให้กำลังใจยิ่งลักษณ์

 13 ธ.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น.

นายต่อพงษ์ ไชยสานต์ รมช.สาธารณสุข ได้พา น.ส.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ น้องธัญย์ ซึ่งเคยประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้าที่ประเทศสิงคโปร์ทับขาจนต้องตัดขาทั้งสองข้าง มามอบหนังสือ "สุขที่คิดบวก" พร้อมให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

น.ส.ณิชชารีย์ กล่าวว่า วันนี้ต้องการมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาครั้งใหญ่

ตนเองจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่อยากให้กำลังใจทุกคนรวมถึงนายกรัฐมนตรี เพราะเห็นว่าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี เจอกระแสกดดันค่อนข้างหนัก จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีมีกำลังใจที่เข้มแข็งต่อไป เพราะยังมีประชาชนอีกมาก ที่รอการช่วยเหลือ ซึ่งกำลังใจที่ดีต้องมาจากผู้นำเป็นอันดับแรก ขณะที่ตนเองได้ให้กำลังใจตัวเองมาโดยตลอดในการคิดสิ่งดีๆ ทำทุกสิ่งให้ดีที่สุดเพื่อส่งผลต่อตนเองในอนาคต ส่วนการใช้ขาเทียมในชีวิตประจำวันก็เป็นไปด้วยดี ไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ แต่ต้องฝึกเรื่องการเดินเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดความเคยชิน


ด้านนายต่อพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ประเทศเราก็ได้ประสบปัญหาอุทกภัยต่างๆนานา
 
จึงได้พาน้องณิชชารีย์ มาให้กำลังนายกฯและประชาชนคนไทยทั่วประเทศไม่ต้องสิ้นหวังโดยการเริ่มจากเด็กตัวเล็กๆ ที่จะบอกสังคมไทยก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ถึงแม้ประเทศไทยจะเจอปัญหาอุปสรรคมากมาย แต่ก็ขอให้เราข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ อย่างไรก็ตามวันนี้จะมาแจ้งนายกฯให้ทราบว่า น้องธัญย์ ได้เป็นทูตคิดบวกของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณะสุข ด้วย


ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาภัยหนาวที่เกิดขึ้นในขณะจะมีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง นายต่อพงษ์ กล่าวว่า

ตนคิดว่าภัยหนาวในปีนี้น่าจะหนาวนาน ดังนั้นประชาชยนจะต้องทำร่างกายให้อบอุ่น ควรต้องหาเครื่องนุ่งหุ่มที่จะทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ ส่วนการผิงไฟควรต้องระมัดระวัง ควรจะทำในที่แจ้ง ส่วนการช่วยเหลือของภาครัฐ เราจะให้ความรู้ให้มากที่สุด ส่วนที่อยู่อาศัย หากบ้างที่ไม่มีที่อแย่อาศัยเราก็จะช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งสอดคล้องกับตามงบประมาทลงไปในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ซึ่งต้องมองว่าเม็ดเงินที่จะลงไปจะใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด อีกทั้งการเยียวยาบ้านเรือนที่เสียหายจากอุทกภัยอย่างเร็วที่สุด ส่วนเม็ดเงินที่จะใช้แก้ภัยหนาวนั้นคงต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง เกพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบเรื่องนี้คือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมุนษย์ ส่วนกระทรวงสาธารณสุขเองดำเนินการให้ความรู้แก่ประชาชนในทุกรูปแบบ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์