หนาวนี้ระวังไข้หวัดใหญ่ไอโอวา2011

หนาวนี้ระวังไข้หวัดใหญ่ไอโอวา2011

เชื้อไข้หวัดใหญ่กลับมาสร้างความตื่นเต้นให้มนุษย์อีกครั้ง หลังจากโรงพยาบาลในมลรัฐไอโอวาของสหรัฐอเมริกา
 
พบเด็ก 3 คนติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่เชื่อว่าเป็นยีนมาจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จากนั้นทั่วอเมริกาก็ตื่นตัวตรวจหาเชื้อเพิ่มจนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา "ซีดีซี" หรือศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ยืนยันว่ามีผู้ติดหวัดใหญ่ตัวใหม่ตัวนี้แล้ว 10 คนใน 4 มลรัฐ คือ เพนซิลเวเนีย 3 คน มลรัฐเมน 2 คน  อินเดียนา 2 คน และไอโอวา 3 คน พร้อมตั้งชื่อว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ “S-OtrH3N2”

"ซีดีซี" ยังระบุอีกว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ไอโอวา 2011 เป็นเชื้อเอช 3 เอ็น 2 ที่เคยแพร่ระบาดมาทั่วโลกแล้ว

แต่ครั้งนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ ตรวจพบครั้งแรกในเด็ก 3 คน ซึ่งล้มป่วยมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยเด็กทั้ง 3 คนเคยไปร่วมงานเลี้ยงสถานที่เดียวกันในรัฐไอโอวา แต่ไม่เคยมีประวัติว่าไปเล่นหรือไปแตะเนื้อแตะตัวสัมผัสกับสุกรมาก่อน ทำให้คาดว่าเชื้อไวรัสชนิดล่าสุดอาจมีการติดต่อจากคนสู่คน บทวิเคราะห์บางแห่งเชื่อว่าเชื้อไวรัสตัวนี้น่าจะแพร่ระบาดมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และยีนที่มาจากเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ 2009 คือตัวแมททริกซ์ เอ็ม (M) ทำให้การติดเชื้อและอาการป่วยคล้ายคลึงกัน ซีดีซีประกาศให้ทั่วประเทศอเมริกาเฝ้าระวังเชื้อใหม่ตัวนี้อย่างเข้มงวด
        
ส่วนประเทศไทยนั้น นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก
 
ด้านการเตรียมความพร้อมรับการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เชื้อตัวนี้ยังไม่มีการแพร่ระบาดออกนอกอเมริกาแต่อย่างใด ส่วนเมืองไทยได้สุ่มตรวจคนไข้แล้วในโรงพยาบาลรัฐบางแห่ง แต่ยังไม่มีรายงานว่าพบเชื้อตัวนี้ การตรวจแยกเชื้อไข้หวัดใหญ่เพื่อสืบหาสายพันธุ์นั้น ต้องทำในห้องแล็บที่ได้มาตรฐานและมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักหมื่นบาท ทำให้ไม่ค่อยมีการนำเชื้อจากคนไข้ไปตรวจ 
       
สำหรับเชื้อไวรัสไข้หวัดที่พบในไอโอวานั้น นพ.ทวียอมรับว่าเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงพอสมควร ทำให้ผู้ป่วยอาการหนักกว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ประจำปีทั่วไป แต่ยังไม่พบรายงานการเสียชีวิตจากเชื้อใหม่
       
ด้าน ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อและอายุรศาสตร์เขตร้อน คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล อธิบายว่า
 
ปกติแล้วการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหม่สายพันธุ์ใหม่ๆ จะเริ่มจากในหมูก่อน เป็นการติดจากหมูสู่หมู แล้วเมื่อคนไปสัมผัสกับหมูป่วยก็จะติดเชื้อจากหมูสู่คน จากนั้นเชื้อจะค่อยๆ พัฒนาตัวเองให้แข็งแรงจนสามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ สำหรับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ “S-OtrH3N2” ตัวใหม่ที่พบในรัฐไอโอวานั้น แพทย์สามารถรักษาได้ด้วยตัวยาเดียวกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 คนป่วยจึงไม่ต้องวิตกกังวล แต่ต้องเฝ้าสังเกตตัวเองให้ดีโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยเรื้อรัง คนอ้วน คนแก่ ฯลฯ หากมีอาการเป็นไข้ปวดศีรษะรุนแรง ปวดตามแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบตา เบื่ออาหาร คลื่นไส้เจ็บคอ และคอแดง มีน้ำมูกใสไหล และไอแห้งๆ ให้รีบมาพบแพทย์แต่เนิ่นๆ ไม่ควรปล่อยไว้หลายวัน 
       
“ช่วงแรกที่ไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดแล้วทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน สร้างความตื่นเต้นไปทั่วโลกนั้น เพราะหมอยังไม่เคยชินกับเชื้อตัวนี้ ทำให้สั่งยาต้านไวรัสเฉพาะทางช้า ปกติแล้วคนป่วยไข้หวัดใหญ่หมอจะรักษาตามอาการ ผ่านไปไม่กี่วันก็หาย แต่เชื้อตัวนี้ต้องให้ยาต้านไวรัสทามิฟลูหรือโอเซลทามิเวียร์แต่เนิ่นๆ แล้วเฝ้าติดตามดูผู้ป่วยร่างกายอ่อนแออย่างใกล้ชิด ส่วนการตรวจพบเชื้อตัวนี้ครั้งแรกในเด็กไม่ใช่ว่าจะระบาดเฉพาะในเด็ก แต่เวลาที่เด็กเล็กป่วยเป็นไข้ตัวร้อน พ่อแม่มักตื่นตัวพาไปหาหมอทันที แล้วหมอจะตรวจอย่างละเอียดมากกว่า ทำให้รายงานการค้นพบเชื้อไข้หวัดใหญ่ตัวใหม่ๆ จะพบในเด็กก่อน ที่สำคัญคนที่ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีแล้ว ก็อย่านิ่งนอนใจว่าจะไม่เป็นไข้หวัดใหญ่อีก เพราะถ้ามีเชื้อตัวใหม่เข้ามาวัคซีนชุดนี้ก็ไม่ได้ผล ต้องคอยสังเกตตัวเองให้ดีว่าเมื่อเป็นไข้หวัดแล้วอาการรุนแรงหรือไม่ ถ้าปวดเมื่อยตัวมากๆ ให้รีบไปหาหมอทันที” นพ.ทวีแนะนำ
       
ทั้งนี้ จากข้อมูลการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่พบว่า ไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish flu) ระบาดทั่วโลกในปี 2461-2462
 
เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอ ชนิดย่อย เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 50 ล้านคน ผ่านไปเกือบ 50 ปี พ.ศ.2500-2501 ไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอ ชนิดย่อย เอช 2 เอ็น 2 (H2N2) หรือที่เรียกกันว่าไข้หวัดใหญ่เอเชีย (Asian flu) ระบาดจนทำให้ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตกว่า 7 แสนคน ส่วนเชื้อเอช 3 เอ็น 2 (H3N2) นั้น เคยระบาดใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2511-2512 เรียกกันว่าไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง (Hong Kong flu) มีรายงานผู้เสียชีวิตประมาณ 3.4 หมื่นคน และ พ.ศ. 2552 ไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอ ชนิดย่อย เอช 1 เอ็น 1 กลับมาอีกครั้งพร้อมรุนแรงขึ้น หรือที่เรียกกันว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 สาเหตุที่เชื้อตัวนี้รุนแรงเพราะตัวไวรัสมีการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมระหว่างไวรัสไข้หวัดใหญ่นก ไข้หวัดใหญ่หมู และไข้หวัดใหญ่มนุษย์ เกิดเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ผสมในชื่อว่าไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก (Mexican flu) องค์การอนามัยโลกประกาศว่า ช่วงที่โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดหนักตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 จนถึงเดือนสิงหาคม 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกประมาณ 1.8 หมื่นคน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์