เจ้าสัวซีพีหนุนรัฐบาลปู-เชียร์สานต่อนโยบายศก. ฟื้นปท.หลังน้ำลด

เจ้าสัวซีพีหนุนรัฐบาลปู-เชียร์สานต่อนโยบายศก. ฟื้นปท.หลังน้ำลด

วันที่ 9 พ.ย. นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)

เปิดเผยระหว่างนำทีมผู้บริหารกลุ่มซีพีเยี่ยมศูนย์อพยพมหาวิทยาลัยเทคโนราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์นนทบุรี ว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นในนั้น หากรัฐบาลเร่งสูบน้ำออกให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องโทษว่าเป็นฝีมือใคร ช่วยกันทำงานทั้งกรุงเทพมหานคร(กทม.) และรัฐบาล ความเดือดร้อนของคนกทม.จะไม่ถึง 1 เดือน อย่างที่คาดกันไว้

 นายธนินท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาของไทยเกิดจากปัญหาการเมือง มีการเล่นการเมือง เมื่อมาถึงวันนี้จำเป็นต้องให้โอกาสรัฐบาลในการดำเนินนโยบาย

เพื่อสานต่อนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากสามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่อง ปี’55 เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยจะเติบโตได้ประมาณ 7% จากประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักที่ประมาณการไว้เพียง 2% นั้นถือว่าต่ำไป เพราะปีหน้าเป็นปีหลังน้ำลด สิ่งที่จะเห็นและต้องเกิดขึ้นคือ การจ้างงาน การซ่อมแซมบ้านเรือน โรงงานจะต้องเร่งผลิตสินค้าเพื่อมาทดแทน สินค้าที่เสียหายจากน้ำลด การบริโภคเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการแรงงานมากขึ้น ดังนั้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน รัฐบาลต้องหนุนให้เต็มที่

 ประธานเครือซีพี ระบุว่า การช่วยเหลือต้องเร่งดำเนินการ 2 ด้านคือ 1.โรงงานที่ถูกน้ำท่วมพยายามไม่ให้ย้ายฐานการผลิต ให้มีการจ้างแรงงานเพิ่ม
 
ผลักดันการส่งออก ชี้แจงให้รู้ว่า หากมีมาตรการรับมือ โดยไม่ต้องย้ายโรงงานจะเกิดความต่อเนื่องอย่างไรในการผลิตสินค้า และ 2.เร่งนโยบายเชิงรุกโดยประกาศแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ชัดเจนว่าจากนี้ต่อไปไทยจะมีแผนการบริหารจัดการน้ำที่ดี ยืนยันว่าน้ำจะไม่ท่วมประเทศไทยอีกแล้ว หากรัฐบาลมีความชัดเจนในแผนการป้องกัน ต้องชี้แจงให้ทั่วโลก และนักลงทุนรู้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน หากทำได้ใน 2 เรื่องนี้ เศรษฐกิจไทยเดินหน้าได้แน่นอน

 นอกจากนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดำเนินตามนโยบายที่ประกาศไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นนโยบายรถคันแรกที่ประกาศไว้ นโยบายนี้นอกจากคนจะได้มีรถราคาถูกแล้ว ผู้ประกอบการรถยนต์ก็จะได้รับความช่วยเหลือ หลังประสบความเสียหายจากน้ำท่วม ส่วนโครงการบ้านหลังแรก ก็สำคัญจะช่วยผลักดันกำลังซื้อของประชาชนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านได้ ขณะที่มาตรการทางภาษีหากสามารถช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการได้ รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดการบริโภค และที่สุดภาษีที่รัฐบาลได้จะมากกว่าที่สูญเสียไปจากมาตรการของรัฐเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 “ไทยเป็นประเทศที่มีความโชคดี ที่ผ่านมามีเศรษฐกิจที่ดี มีเงินทุนสำรองสูงเป็นอันดับ 13 ของโลก สูงกว่าประเทศฝรั่งเศสที่มีทุนสำรองเป็นอันดับ 14 ของโลก ดังนั้นการบริหารเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องกู้เงินจากต่างประเทศ มีเงินอยู่ในประเทศจำนวนมาก หาวิธีใช้ให้เป็น และห้ามธนาคารพาณิชย์ดูดเงินออกจากประเทศไทย เงินก็เพียงพอที่จะใช้จ่ายในประเทศ” นายธนินท์ กล่าว
 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์