เขื่อนภูมิพลวิกฤติสั่งเฝ้าระวังน้ำท่วมทะลัก 2 จว.

ศภช.เตือน 7 จังหวัด พังงา-ระนอง-จันทบุรี-ตราด-ปราจีนบุรี-นครนายก-สระแก้ว รับมือฝนตกหนัก 3 ต.ค.

พร้อมเตือนปทุมฯ น้ำล้นตลิ่งเลียบคลองรังสิตและริมฝั่งแม่น้ำนอกเขตกั้นน้ำในจ.นนทบุรี น้ำป่าดอยขุนตาลทะลักท่วมลำปางกลางดึก กว่า 100 หลังคาเรือนจมบาดาล แถมอิทธิพลจากฝนตกหนักส่งผลให้พระธาตุพันปีคู่เมืองลำปางพังทลาย จนท.ต้องเร่งค้ำยันหวั่นยอดเจดีย์หัก ส่วนชาวอุทัยขวัญผวา ไอ้เข้หลุดจากฟาร์มเข้าบ้าน โชคดีจับได้ก่อนเขมือบคน กรุงเก่ายังอ่วมพระสงฆ์หนีน้ำมาจำวัดบนถนน ขณะที่ชาวบ้านเครียดจัดต้องขึ้นไปนั่งปรับทุกข์บนหลังคาบ้าน ระบุเขื่อนภูมิพลวิกฤติหนักน้ำจ่อล้นสปิลล์เวย์ เตือนกำแพงเพชร-ชัยนาทได้รับผลกระทบการระบายน้ำ “นายกฯ ปู” บินด่วนไปสิงห์บุรี เร่งกู้ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี สั่ง ขรก.จับมือทุกฝ่ายแก้วิกฤติน้ำกลับสู่ภาวะปกติ สธ.เผยเหยื่อน้ำท่วมเสี่ยงฆ่าตัวตายพุ่ง

“ปู”ประชุมสรุปน้ำท่วม
    
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2) สนามเป้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐ มนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่าง ๆ และหารือร่วมกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม นายพระนาย สุวรรณรัตน์ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน นายวิบูลย์ สงวนพงษ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย (ปภ.) ก่อนที่จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์คไปยังประตูระบายน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทยประสานกับทางกองทัพเข้าไปดูแลช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าไปยากลำบาก เพราะเป็นห่วงในพื้นที่น้ำท่วมขังที่จะอาจเกิดปัญหาน้ำเน่าและโรคต่าง ๆ ตามมา

สั่งเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล
    
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำค่อนข้างมากทำให้มีผลกระทบต่อ จ.ลพบุรีอย่างมาก และเราต้อง  เร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล โดยใช้เครื่องผลักดันน้ำตามจุดต่าง ๆ โดยตนได้สั่งการให้กรมชลประทาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทบทวนพิจารณาเพิ่มจุดผลักดันน้ำเพื่อให้ระบายน้ำให้เร็วขึ้น นอกจากนั้นได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกรมทหารช่างเร่งดำเนินการขุดลอกคู คลองในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้น้ำไหลเวียนออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด สำหรับการซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรีนั้น ทางกรม ชลประทานรายงานว่าต้องใช้เวลานานประมาณ 15 วัน ซึ่งตนคิดว่าความเดือดร้อนของประชาชนรอนานขนาดนั้นไม่ได้ จึงต้องเร่งให้ดำเนินการเร็วขึ้น แต่เราต้องยอมรับว่าในการแก้ปัญหานั้นมีอุปสรรคเพราะน้ำแรงมาก โดยเฉพาะการขนย้ายหินที่เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ประชาชนอพยพหนีน้ำขึ้นมาอาศัย ดังนั้นจะต้องพยายามเปิดเส้นทางให้รถใหญ่ขนหินเข้าได้ เพื่อให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

ยันไม่ท่วมเจดีย์เกาะเกร็ด
    
ด้าน นายชลิต ได้รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ขณะนี้ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำยม ทางด้านต้นน้ำและ จ.น่าน อยู่ในระดับคงที่ ขณะที่ตั้งแต่ จ.พิจิตรลงมามีระดับน้ำสูงขึ้นเล็กน้อยและไหลผ่าน จ.นครสวรรค์อยู่ที่ 4,362 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งทรงตัวมา 2 วันแล้ว ขณะที่แม่น้ำสะแกกรังมีปริมาณน้ำอยู่ 641 ลบ.ม.ต่อวินาที ถือว่าเป็นปริมาณน้ำค่อนข้างมาก ทำให้น้ำที่ผ่านเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำมากไปด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ผ่านมาถึง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3,236 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่กท. หากจะส่งผลต่อ กท.จะต้องมีปริมาณน้ำ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ดังนั้นขณะนี้จึงยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ และยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่น้ำจะท่วมยอดเจดีย์ที่เกาะเกร็ดอย่างที่มีข่าว เพราะเราติดตามปริมาณน้ำอย่างใกล้ชิด

7 จว.รับมือฝนตกหนัก 3 ต.ค.
    
ด้านนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการอุดช่องประตูระบายน้ำบางโฉมศรีที่ชำรุดเสียหาย ซึ่งจากการที่ได้เริ่มดำเนินการตามแผนการหย่อนกล่องหินเกเบี้ยนขนาด 1 ตารางเมตรที่สามารถทานกระแสน้ำได้ โดยในช่วง 2 วันที่ผ่านมาที่ในช่วงแรกยังมีปัญหาอุปสรรค ทำให้ผลดำเนินการหย่อนกล่องหินได้เพียง 540 กล่อง หรือคิดเป็น 8% จากจำนวนกล่องหินทั้งสิ้น 7,300 กล่อง แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปที่ได้มีการเตรียมพร้อม ก็จะทำให้การหย่อนหินเพื่ออุดประตูระบายน้ำบางโฉมศรีมีความรวดเร็วขึ้นประมาณ 800 กล่องต่อวัน เมื่อคิดเฉลี่ยคาดว่าไม่น่าจะเกิน 10 วันก็ดำเนินการเสร็จ
   
ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ได้ประกาศเตือนแจ้งว่า ในวันที่ 3 ต.ค. อาจมีฝนตกหนักบริเวณ จ.พังงา ระนองจันทบุรี  ตราด  ปราจีนบุรี  นครนายก และ จ.สระแก้ว จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวัง และติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติต่อไป

ศภช.เตือน!เลียบคลองรังสิต
    
มีรายงานว่า ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้ประกาศเตือนภัยด้วยว่า โดยในวันเดียวกันนี้อาจเกิดน้ำล้นตลิ่งในบริเวณเลียบคลองรังสิต จ.ปทุมธานี และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำนอกเขตคันกั้นน้ำ จ.นนทบุรี ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามข้อมูลต่อไป และวันเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานว่า ขณะนี้ยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัยจำนวน 23 จังหวัด มีผู้เสียชีวิตรวม  206 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนแล้ว

สั่งอสม.ลงพื้นที่ดูแลชาวบ้าน
   
นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับแผนเพื่อให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังโรคระบาด รวมทั้งปัญหาสุขภาพจิตที่สำคัญคือป้องกันการฆ่าตัวตาย เนื่องจากน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน สำหรับ อสม. จะให้ออกดูแลประชาชนที่อยู่ในภาวะน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนจะรับผิดชอบดูแลคนละ 10-15 หลังคาเรือน นอกจากนี้กระทรวงฯได้ผลิตกระเป๋าเป้ บรรจุยาสามัญประจำบ้านและยาใช้ในกรณีที่ป่วยฉุกเฉิน ได้แก่ ปวดศีรษะ ท้องเสีย ยาแก้แพ้ ชุดทำแผลปลอดเชื้อ รวมทั้งหมด 17 รายการ รวมคู่มือการแนะนำการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพื่อให้ อสม.ใช้ออกปฏิบัติงาน ขณะนี้แจกไปแล้ว 10,000 ชุด และได้สั่งผลิตเพิ่มอีก 100,000 ชุด 

เครียด-เสี่ยงฆ่าตัวตายพุ่ง
   

ส่วนนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบด้านสุขภาพจิตว่า ผลการตรวจประเมินสุขภาพจิตล่าสุด พบผู้ที่มีความเครียดสูง 1,520 ราย มีอาการซึมเศร้า 3,239 ราย มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 389 ราย และต้องติดตามดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ  554 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบการดูแล 3 รูปแบบคือ  1. จัดทีมสุขภาพจิต ร่วมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่รักษาโรคทางกาย ขณะนี้กระจายบริการตามจุดอพยพประชาชนที่บ้านถูกน้ำท่วมหนักจนอยู่ไม่ได้  2. หน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการตามหมู่บ้าน และ 3. ทีมเยี่ยมบ้านชนิดเคาะประตูบ้าน เยี่ยมดูอาการผู้ที่เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพจิตง่าย เช่น  ผู้ป่วยจิตเวช ผู้สูงอายุที่ไม่มีคนดูแล ผู้ป่วยโรคประจำตัว และมีสายด่วนเปิดให้บริการปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ทางหมายเลข 1323 ฟรี

แก้น้ำท่วมเป็นวาระแห่งชาติ

   
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีปัญหาอุทกภัย ว่า จากที่ ส.ส.พรรคได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาน้ำท่วมได้รับฟังปัญหา ซึ่งสอด คล้องกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ว่า ปัญหาดังกล่าวต้องเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากยิ่งนับวันความเสียหายยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น หากประเมินการชดเชยทั้งบ้านเรือนและพื้นที่ทำการเกษตรเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ถ้ายังไม่แก้ไขปัญหาในอนาคต ยังคงปล่อยให้น้ำท่วมซ้ำซาก รัฐบาลต้องเพิ่มจำนวนเงินชดเชยมากขึ้นในแต่ละปี ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะเร่งนำเสนอนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ อาทิ นโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซากเป็นวาระแห่งชาติแบบบูรณาการ โดยให้มีเจ้าภาพ แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณที่สูงก็ต้องดำเนินการเร่งปราบปรามการตัดต้นไม้และปลูกป่าอย่างจริงจัง

ปชป.จวกรัฐไม่มีแผนชัดเจน
   
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า การแก้ไขของรัฐบาลยังเป็นแบบกระจัดกระจาย และไม่มีทิศทางในการบริหารจัดการที่ชัดเจน คือการที่นายกรัฐมนตรีชอบพูดถึงบางระกำโมเดล หรือแนวทาง 2 พี 2 อาร์ ซึ่งที่จริงแล้วประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคืออะไร ขณะที่ปัญหาน้ำท่วมก็มีมากขึ้น และการสั่งให้รัฐมนตรีลงไปค้างคืนตามจังหวัดต่าง ๆ นั้นส่วนใหญ่ก็ไปค้างคืนที่โรงแรมห้าดาว ซึ่งเป็นการทำเอาหน้า โดยไม่ได้แก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะไม่มีแผนชัดเจน เช่น ถ้าน้ำเหนือลงมาจะระบายออกทะเลทางใด อีกทั้งรัฐบาลไม่มีการเตรียมพื้นที่ไว้ล่วงหน้า เพื่อใช้ในการอพยพประชาชนเมื่อเกิดน้ำท่วม และที่สำคัญถึงเวลานี้ยังไม่เคยได้ยินว่ารัฐบาลมีแผนการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดว่าเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล

“บิ๊กจิ๋ว”แนะตั้งกระทรวงน้ำ 
   
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องสั่งให้รัฐมนตรีไปนอนกับชาวบ้าน ซึ่งได้แค่ภาพเท่านั้น ไปแล้วก็รีบกลับไม่เห็นมีอะไรเป็นเนื้องาน โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีไม่ต้องเที่ยวตระเวนไปดูน้ำท่วมให้มากนัก ขอให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งหลักให้ได้ว่าจะแก้ปัญหาระยะยาวอย่างไร ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องทำโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เก็บกักน้ำ แม้จะใช้เงินจำนวนมาก รัฐบาลมีงบประมาณไม่พอก็แบ่งทำไปเป็นรายปี อยากเรียกร้องรัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมดเดินหน้าโครงการแก้ไขปัญหาน้ำอย่างเต็มที่ ซึ่งรัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพ และมีหน่วยงานหลักดูแลร่วมกับท้องถิ่น โดยเฉพาะทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง หากตั้งกระทรวงน้ำขึ้นมาจะดูแลแบบบูรณาการได้เต็มที่ 

พระสงฆ์หนีน้ำจำวัดบนถนน
   
ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังมวลน้ำก้อนใหญ่จาก จ.ลพบุรี ไหลทะลักบ่าเข้าท่วมพื้นที่ อ.บ้านแพรก อ.มหาราช จนบ้านเรือนทุกหมู่บ้านของทั้งสองอำเภอจมบาดาล และน้ำยังท่วมขยายวงกว้างไปยัง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี พื้นที่การเกษตรไร่นาเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 แสนไร่ ระดับน้ำสูงกว่า 2  เมตร ส่งผลให้ถนนทุกสายในหมู่บ้านและเชื่อมระหว่าง อ.บ้านแพรก และ อ.มหาราชถูกตัดขาด โดยเฉพาะถนนสายหลักเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดตั้งแต่ จ.อ่างทองถึง จ.สระบุรี คือถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ตั้งแต่ช่วงหมู่ 2 ต.บ้านนา อ.มหาราช ถูกน้ำท่วมรถเล็กวิ่งผ่านไม่ได้ นอก จากนี้ตลอดเส้นทางถนนสายโพธิ์พระยา-ท่า เรือ พบว่ามีประชาชนที่ถูกน้ำท่วมเร่งขนย้ายทรัพย์สินข้าวของมาไว้ที่ริมถนน และที่ริมถนนโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ต.เข้าปลุก พระสงฆ์จากสำนักสงฆ์มหาราชธรรมมาราม จำนวน 11 รูป ต้องอพยพมานั่งพักอยู่ริมถนน เนื่องจากน้ำท่วมกุฏิและบริเวณวัดจนจำวัดไม่ได้

นั่งคุยบนหลังคาคลายเครียด
   
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าที่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 3 ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรี อยุธยา ว่ามียายวัย 72 ปี ที่บ้านถูกน้ำท่วมบ้านสูงกว่า 3 เมตร และต้องเลี้ยงดูลูกชายวัย 39 ปี ที่แขนทั้งสองข้างขาดและขาลีบ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึงได้ลงเรือพายเข้าไปตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกน้ำท่วมจนถึงพื้นบ้านที่ยกสูง ภายในบ้านพบ นางเมิน ยัญญะเวทย์ อายุ 72 ปี กำลังนั่งป้อนอาหารและเช็ดตัวให้ นายสมภพ ยัญญะเวทย์ ลูกชายวัย 39 ปี ที่เป็นผู้พิการแขนทั้งสองข้างขาด และขาทั้งสองข้างลีบ เดินไม่ได้ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถไฟทับเมื่อหลาย 10 ปีก่อน โดยญาติพี่น้องที่พักอาศัยอยู่ด้วยต้องออกไปทำงานทั้งหมด จึงขอวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือ เพราะตอนนี้นางเมินตกอยู่ในสภาพเครียดมาก ทางญาติและเพื่อนบ้านต้องคอยมานั่งคุยกันบนหลังคาบ้าน เพื่อเป็นการคลายความเครียด


จับจระเข้หลุดฟาร์มเข้าบ้าน
   
จ.อุทัยธานี ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้รับแจ้งจากนายชำนาญ มีทอง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/2 หมู่ 2 บ้านเนินตูม ต.สะแกกรัง อ.เมือง ว่าได้พบจระเข้เข้ามาอาศัยซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำใต้ถุนบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ จึงมาดำเนินการจับโดยใช้ไฟฟ้าช็อต จนสามารถจับจระเข้ได้ ซึ่งเป็นลูกจระเข้ที่มีความยาว 1.50 เมตร มีน้ำหนักตัวประมาณ 20 กก. ก่อนนำขังไว้เป็นการชั่วคราวที่ศูนย์ช่วยเหลือฯ ทั้งนี้ สำหรับจระเข้ที่ถูกจับได้ครั้งนี้ น่าจะหลุดมาจากฟาร์มเลี้ยงแห่งใดแห่งหนึ่งที่ถูกน้ำท่วมหนัก ซึ่งหลังมีข่าวจระเข้หลุดได้สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะชาวบ้านเชื่อว่าน่าจะมีทั้งจระเข้พ่อแม่พันธุ์และลูกอีกจำนวนมากที่หลุดออกมาลงสู่แม่น้ำสะแกกรัง

น้ำทะลักท่วมสถานีประมง
   
เมื่อเช้าของวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังบริเวณ ต.ชัยฤทธิ์ อ.ไชโย จ.อ่างทอง หลังทราบว่าน้ำจากลพบุรีได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ต.ชัยฤทธิ์ มีบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากถูกน้ำท่วม โดยเฉพาะสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดอ่างทอง น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบ่อเพาะพันธุ์สัตว์น้ำสูงกว่า 1 เมตร นอกจากนั้นน้ำยังเข้าท่วมสถานที่ทำงาน บ้านพักเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นบ้านเรือนประชาชน ถนนสายชัยฤทธิ์-สองห้อง ได้ถูกน้ำท่วมจนรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ประชาชนต่างเก็บข้าวของหนีน้ำกันอย่างโกลาหล เนื่องจากน้ำได้ทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีผู้พิการติดอยู่ภายในบ้านซึ่งอยู่กลางน้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยวีอาร์ จ.อ่าง ทอง จึงต้องใช้เรือเข้าไปรับออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย

ส่งตรวจอาหารแจกเป็นพิษ
   
จากการที่ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมในเขตท้องที่ หมู่ 8 ต.ตลุก (บ้านหนอง) อ.สรรพยา จ.ชัยนาท รับแจกอาหารข้าวกล่อง ขนมจีน และบะหมี่เหลืองแห้ง แล้วเกิดท้องร่วงหลายราย ถูกลำเลียงส่งไปทำการรักษาที่ รพ.ชัยนาท นเรนทร จำนวน 99 คน แพทย์สั่งนอนดูอาการ 19 คนนั้น ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ. วันชัย ล้อกาญจนรัตน์ ผอ.รพ.ชัยนาทนเรนทร ได้ระดมแพทย์และพยาบาล ส่งทีมสอบสวนแพทย์เคลื่อนที่เร็ว ไปให้บริการยังที่เกิดเหตุ เพื่อความรวดเร็วไม่ต้องเดินทางเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลฯ มีผู้ป่วยไปรับบริการจำนวน 40 คน และขอยาแก้ท้องเสีย จำนวน 60 คน พร้อมกันนี้ทาง รพ. ได้นำตัวอย่างอาหารส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์นครสวรรค์ ล่าสุด ขณะนี้คนไข้จากอาหารเป็นพิษต่างทยอยกันกลับบ้านหมดแล้ว

เขื่อนภูมิพลเข้าขั้นวิกฤติ

   
นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลในขณะนี้ว่า เขื่อนภูมิพลมีน้ำกักเก็บ 12,580 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 93.89 ของความจุอ่าง ซึ่งเหลืออีก 6.11 หรือ 822 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำจะล้นอ่าง ขณะที่น้ำไหลเข้าเขื่อนวันละ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทางเขื่อนต้องระบายน้ำวันละ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะน้ำไหลเข้ามาอยู่ที่ระดับที่สูง ดังนั้นสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลในขณะนี้ถือว่าวิกฤติ เพราะมีน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้น ซึ่งเหลือไม่เกิน 7 เมตร หรือ 3-4 วัน ระดับน้ำอาจจะล้นสปิลล์เวย์ หรือแนวกั้นน้ำ โดยขณะนี้ได้ประสานงานกันโดยตลอดเพื่อควบคุมระดับน้ำ ซึ่งจังหวัดที่อยู่ท้ายเขื่อน เช่น  จ.กำแพงเพชร และชัยนาท ต้องระมัดระวังที่จะต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วม

น้ำป่าทะลักท่วมลำปาง
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.ลำปาง ในคืนวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ฝนได้ตกลงมาตลอดคืน ทำให้พื้นที่ อ.ห้างฉัตร และ อ.เกาะคา เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขต ต.เวียงตาล และ ต.ปงยางคก ผ่านไปยังพื้นที่ ต.ไหล่หิน ต.เกาะคา อ.เกาะคา ทำให้ถนน ฝายเก็บน้ำ และสะพานหลายแห่งเสียหาย แต่ไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยบ้านเรือนถูกน้ำพัดผ่าน ข้าวของเสียหายประมาณ ร้อย กว่าหลังคาเรือน โดยนายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอห้างฉัตร กล่าวว่า พื้นที่อำเภอห้างฉัตรเป็นเขตติดต่อดอยขุนตาล เมื่อมีฝนตกหนักลงมาจึงทำให้น้ำป่าไหลหลากมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในปีนี้ประชาชนประสบกับปัญหามาหลายครั้งแล้ว สูญเสียงบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหา ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากทางน้ำที่ตื้นเขิน และฝายกั้นน้ำที่ถูกเศษวัชพืชปิดทางประกอบกับน้ำป่าไหลหลากมาอย่างรวดเร็วจึงทำให้น้ำไหลบ่าขึ้นท่วมบ้านเรือนราษฎร

พระธาตุพันปีพังทลาย
   
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานด้วยว่า พระธาตุหมื่นครื้นซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งของ จ.ลำปาง มีอายุมากกว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุหมื่นครื้น บ้านวังหม้อพัฒนา ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ได้ถูกพายุฝนที่ตกสะสมกันมานานหลายเดือนกัดเซาะ จนทำให้เศษอิฐของพระธาตุบางส่วนพังทลายลงมา ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบนายสาคร วงศ์สมุทร นักวิชาการวัฒนธรรม จากสำนักศิลปากรที่ 7 น่าน กำลังสำรวจความเสียหายของตัวพระธาตุอยู่ โดยนายสาคร กล่าวว่าจากการสำรวจพบว่าส่วนที่เสียหายของพระธาตุนั้นอยู่ที่ตรงส่วนที่เรียกว่าบัวถลา ซึ่งเป็นส่วนที่รองรับองค์ระฆังส่วนยอดของพระธาตุ มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 15 เมตร โดยจากการสังเกตนั้นเศษอิฐที่เป็นส่วนของพระธาตุด้านตะวันตก ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ได้หลุดร่วงลงมายังฐานด้านล่าง ทำให้เกรงว่ายอดส่วนที่เหลือจะหักลงมาด้วย ดังนั้นทางสำนักศิลปากรจะนำเจ้าหน้าที่ที่มาทำนั่งร้านขึ้นไปค้ำยัน เพื่อป้องกันการหักโค่นของยอดพระธาตุ

เชียงใหม่กลับสู่ภาวะปกติ
   
ที่ จ.เชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ตอนนี้ในเขตเทศบาลมีน้ำท่วมขังไม่เกิน 10% โดยทางเทศบาลฯ ฟื้นฟูทำความสะอาดแล้ว 40% คาด 2 วันแล้วเสร็จ มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 10,000 หลัง เสียหายหนัก 3,000-4,000 หลัง สามารถเคลียร์พื้นที่แล้ว  96% แต่ยังเหลือขยะและเศษวัสดุติดค้างอีกประมาณ 500-600 ตัน ซึ่งเราจะเร่งทำให้เสร็จภายใน  24 ชั่วโมงนี้ ด้านหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับพายุลูกใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในวันที่ 5 ต.ค. นี้ ตนก็มีความห่วงใยและได้ประสานกับกรมอุตุนิยมวิทยาตลอดเวลา เพราะเราต้องมีความพร้อมทุกด้านในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าในทุกพื้นที่
    
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.เชียงใหม่ ตอนนี้เหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว ทุกหน่วยงานก็เร่งฟื้นฟูแก้ไขหลังน้ำลด โดยการทำความสะอาดในย่านเศรษฐกิจหลักของจังหวัด เช่น ย่านไนท์บาร์ซา ย่านถนนช้างคลาน และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตามปกติในเย็นวันเดียวกันนี้ หลังจากที่ต้องปิดการค้าขายมานานกว่า 4 วัน

เตือนภัยพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม
   
นายคมสัน สุวรรณอัมพา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากข้อมูลศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ มีประกาศให้เฝ้าระวังฝนตกหนัก ดินถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในระยะนี้นั้นว่า ทางจังหวัดได้ให้มิเตอร์เตือนภัยในแต่ละท้องที่ ทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มริมน้ำ เชิงเขา และพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะ อ.สันกำแพง และ อ.สันป่าตอง ให้เตรียมความพร้อมในการอพยพหนีภัย หากกรณีเกิดเหตุการณ์วิกฤติ หรืออาจจะเป็นอันตรายจากภัยพิบัติดังกล่าว โดยให้ย้ายไปอาศัยตามวัด, โรงเรียน และในพื้นที่ปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยดินโคลนถล่ม อย่างไรก็ตามในหลาย ๆ พื้นที่ของเชียงใหม่ ตลอดทั้งวันมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินชุ่มน้ำ ซึ่งอาจจะเกิดความเสี่ยงทำให้ดินโคลนถล่มได้

18 อำเภอโคราชพื้นที่ภัยพิบัติ
    
จากที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เต็มปริมาณกักเก็บนั้น นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นคร ราชสีมา ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากเหตุอุทกภัยแล้ว 18 อำเภอ ที่มีพื้นที่อยู่ติดกับลุ่มน้ำต่าง ๆ ทั้งในส่วนของลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำลำตะคอง และลุ่มน้ำลำเชียงไกร เพราะปริมาณน้ำเอ่อล้นตลิ่ง หลังจากการพร่องน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีอยู่ใน จ.นคร ราชสีมา รวม 4 แห่ง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย อ่างเก็บน้ำลำมูลบน และอ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี ที่ทั้งหมดมีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ร้อยละ 93 ของความจุทั้งหมด ทั้งนี้ สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ยังคงต้องสั่งการให้พร่องน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำทั้งหมดลงสู่ลำน้ำธรรมชาติ และคลองส่งน้ำโครงการชลประทาน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มหลายอำเภอ เช่น อ.โชค ชัย อ.พิมาย และ อ.ชุมพวง ขณะนี้สถานการณ์เริ่มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เพราะปริมาณน้ำเริ่มลดลงโดยเฉพาะพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง เนื่องจากฝนหยุดตก 2 วันแล้ว

ปินส์อ่วมหนักโดนไต้ฝุ่นสองลูก
   
สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 55 ศพจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “เนสาด” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 52 ศพ และยังอีก 3 ศพจากพายุไต้ฝุ่น “นาลแก” ซึ่งพัดเข้าถล่มเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ด้วยการแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยซึ่งต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนหลังคาบ้าน เพราะน้ำท่วมหนักในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์แจ้งด้วยว่า พายุไต้ฝุ่น “นาลแก” เคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออยู่แถบทะเลจีนใต้ และมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งตอนใต้ของประเทศจีน ด้วยความเร็วลมพัดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง 130 กม. ต่อชั่วโมง

เขมรเจอน้ำท่วมตายร้อยกว่า

   
สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาว่า น้ำท่วมฉับพลันคร่าชีวิตผู้คนในประเทศกัมพูชาไปแล้วอย่างน้อย 150 ศพ นับตั้งแต่เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยนายเคีย วัย โฆษกสำนักงานวิบัติภัยของรัฐบาลกัมพูชาแถลงว่า น้ำท่วมหนักตลอดแนวพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง และพื้นที่อื่น ๆ สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกษตรกรรม 1.67 ล้านไร่ โรงเรียน 904 หลังและวัด 361 แห่ง ส่วนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมรุนแรงในประเทศกัมพูชาเมื่อปี 2543 มีจำนวน 374 ศพ.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์