“นกเตน”ถล่มเหนือ-อีสานอ่วม

ภาคเหนือ-อีสานอ่วม หลังพายุนกเตนที่สลายเป็นดีเปรสชั่นเทฝนหนัก ก่อให้เกิดน้ำท่วม รถจมมิด

เมื่อวันนี้ (31 ก.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานการเคลื่อนที่ของพายุโซนร้อน “นกเตน” ซึ่งเข้าสู่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อเวลา 10.00 น. และได้อ่อนกำลังกำลังเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 50 กิโลเมตรทางตะวันออกของ จ.น่าน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเข้า จ.น่าน ในวันเดียวกัน ลักษณะเช่นนี้ จะทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตกมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ พร้อมกับมีลมแรง

บ่ายวันเดียวกันที่ จ.หนองคาย อิทธิพลของพายุนกเตนทำให้เกิดลมกระโชกแรง และฝนเทลงมาอย่างหนักติดต่อกันนานกว่า 6 ชั่วโมง
 
ทำให้ปริมาณน้ำฝนไหลบ่าเข้าสู่ตัวเมืองหนองคายอย่างรวดเร็ว โดยไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำโขงได้ทัน ทำให้น้ำเอ่อท่วมร้านค้า และบ้านเรือนของประชาชนกันถ้วนหน้า หลายครอบครัวเร่งขนสิ่งของหนีน้ำ แต่รถยนต์บางคนขนย้ายไม่ทัน จึงถูกน้ำท่วมสูงเกือบมิดหลังคา

ขณะที่ จ.อุดรธานี มีสภาพไม่ต่างกัน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครอุดรธานี และในพื้นที่ อ.เมือง บ้านผือ น้ำโสม นายูง เพ็ญ และ สร้างคอม
 
ถนนเกือบทุกสายถูกน้ำท่วมฉับพลัน และมีระดับสูง จนทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งนำแผงจราจรมาติดตั้งเตือนให้ประชาชน ห้ามวิ่งผ่านถนนสายที่ถูกน้ำท่วมปริมาณมาก เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนกับน้ำท่วมในครั้งนี้หลายหลังคาเรือน รวมทั้งร้านค้าได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ด้วย

ส่วนที่ จ.น่าน เกิดฝนตกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ อ.แม่จริม วัดปริมาณน้ำฝนได้ 110 มิลลิเมตร และ อ.เมือง วัดได้ 62.8 มิลลิเมตร
 
ทำให้ระดับน้ำตามลำห้วยต่าง ๆ มีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางนายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.น่าน ได้สั่งเตรียมเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เวียงสา นาน้อย และนาหมื่น เนื่องจากอยู่ในเส้นทางพายุนกเตนถล่มมากที่สุด หากเกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันจะได้สามารถออกช่วยเหลือปนระชาชนได้ทันที

ขณะที่ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน ได้สั่งให้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณจุดต่าง ๆ รวม 4 เครื่อง และตรวจเช็คความพร้อมของเครื่องยนต์ เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมจากพายุนกเตน และหากพบว่า สถานการณ์น้ำใกล้ถึงจุดวิกฤติ จะได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ขนย้ายข้าวของมีค่าขึ้นสู่ที่สูงทันที


ด้าน นายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)

กล่าวว่า จากการเคลื่อนตัวของพายุนกเตนเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จึงไม่ผ่านพื้นที่ที่เสี่ยงภัยดินถล่ม นอกจากนี้ ศูนย์ธรณีพิบัติภัยพบว่าอิทธิพลพายุโซนร้อนนกเตนไม่รุนแรงเหมือนที่กลัวกัน เนื่องจากอ่อนกำลังลง และมีปริมาณฝนสูงสุดที่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร แค่ 394.5 มิลลิเมตร รองลงมาเป็นที่ อ.สังคม จ.หนองคาย 105 มิลลิเมตร ส่วนที่พื้นที่เสี่ยงภัยอื่นๆ ในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.น่าน เพชรบูรณ์และอุตรดิตถ์ มีความเสี่ยงต่อดินถล่มสูง ยังมีปริมาณฝนไม่มาก โดยเฉพาะที่ จ.น่าน มีปริมาณฝน 50 มิลลิเมตร เพชรบูรณ์และอุตรดิตถ์ 40 มิลลิเมตร จึงไม่อันตราย แต่อย่างใด

ผอ.สำนักธรณีวิทยาฯ กล่าวต่อว่า แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตา และเฝ้าระวังมากที่สุดคือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
 
ที่พัดเข้ามาทางฝั่งตะวันตกของประเทศไทย หากได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนนกเตน จะทำให้เกิดการดึงดูดกันอย่างรุนแรง และก่อให้เกิดผลกระทบกับจังหวัดทางภาคตะวันตก เช่น ระนอง ชุมพร ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น โดยขณะนี้ปริมาณฝนตกวัดได้ที่ ระนอง ชุมพร มีมากกว่า 100 มิลลิเมตร ถือว่าน่ากลัวมาก และต้องมีการเฝ้าระวังโดยมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ ๆ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นฤดูฝนในภาคใต้ เกรงว่าจะไปซ้ำรอยกับเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยเมื่อช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ที่ จ.แพร่ เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าจากลำห้วยแม่กวางอ.ร้องกวาง ไหลหลากเข้าท่วมตลาดสดร้องกวาง
 
และถนนสายแพร่-น่านหลายจุด จนรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ นอกจากนี้น้ำได้เอ่อไหลเข้าท่วมอีกหลายพื้นที่เช่นเขตเทศบาลเมืองแพร่ จนต้องเร่งนำกระสอบทรายไปให้ประชาชนนำไปสร้างเป็นแนวป้องกันน้ำท่วม ขณะที่นายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.แพร่ ได้เรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องประชุมเพื่อรับมือหากมีอุทกภัยแล้ว   
            
ด้าน นายชวลิต เมฆจำเริญ ปลัดจังหวัดแพร่
ได้ออกสำรวจพื้นที่พบว่ามีหลายแห่งได้รับผลกระทบจากพายุนกเตน นาข้าวถูกน้ำท่วมจนมิดต้นข้าว และหากวันหรือสองวันน้ำไม่ลด จะสร้างความเสียหายให้กับชาวนาเป็นบริเวณกว้างอย่างแน่นอน


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์