เด็กมีปัญหานอนมีสิทธิติดเหล้า

แพทย์เผยผลวิจัยต่างประเทศ ชี้ปัญหานอนหลับของเด็กชายวัยอนุบาลถึงวัยรุ่นมีอัตราการติดสุราและสารเสพติดมากกว่าเด็กไม่มีปัญหาการนอน วิจัยวัยรุ่นไทยห้าจังหวัดพบปัญหานอนส่งผลต่อการเรียนและการทำงานเฉลี่ย 6 วัน

รศ.พ.ญ.นิตยา คชภักดี หน่วยพัฒนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงข่าวจัดประชุมครั้งที่ 2 World Congress of World Association of Sleep Medicine เรื่องการส่งเสริมสุขภาพการนอนหลับที่ดีทั่วโลกว่า เด็กแรกเกิดต้องนอน 16 ชั่วโมงต่อวัน เด็กวัยรุ่น 9 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่ผู้ใหญ่ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ปัญหาการนอนของเด็ก จากการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่า ร้อยละ 25 ของเด็กแรกเกิดถึงอายุ 18 ปี มีปัญหาการนอนหลับในช่วงใดช่วงหนึ่ง

ทั้งนี้ จากการวิจัยเด็กผู้ชาย 257 คนในอเมริกา โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งติดตามเด็กตั้งแต่อายุ 3-5 ปี ต่อไปอีก 10 ปีพบว่า กลุ่มเด็กซึ่งมีปัญหานอนยาก เมื่อติดตามไปอีก 10 ปี มีอัตราการติดสุราและสารเสพติดมากกว่าเด็กที่ไม่มีปัญหาการนอน

นอกจากนี้ แนวโน้มวัยรุ่นทั่วโลกมีพฤติกรรมการนอนคล้ายกัน คือ นอนดึกมากขึ้นและตื่นสาย โดยเฉพาะวัยเรียน ปัจจุบันพ่อแม่ดูแลการนอนของลูกได้น้อยมาก เพราะมีคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์ในห้องนอน เด็กไทยที่มีการศึกษาในห้าจังหวัด คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น กรุงเทพฯ สงขลา และนครปฐม จำนวน 1,670 ครัวเรือน โดยเก็บข้อมูลเด็ก 315 คน พบว่าเด็กร้อยละ 35 มีปัญหาการนอนมากน้อยต่างกัน และผู้หญิงมีการนอนมากกว่าผู้ชาย และอายุ 15 ปีขึ้นไป มีปัญหามากกว่าอายุ 12-15 ปี ซึ่งกลุ่มเด็กที่มีปัญหาการนอนมีปัญหาการเรียนและทำงานไม่ได้เฉลี่ยถึง 6 วัน ขณะกลุ่มที่ไม่มีปัญหาการนอนมีปัญหา 1 วัน

รศ.ดร.นัยพินิจ คชภักดี ผู้อำนวยการโครงการวิจัยชีววิทยาระบบประสาทและพฤติกรรม สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า จากข้อมูลวิจัยพบว่าประชาชนถึงครึ่งโลกมีปัญหาการนอนหลับ ขณะที่คนไทยมีการศึกษาพบว่า คนไทยมากกว่าร้อยละ 30 มีปัญหาการนอนหลับ และผู้หญิงมีปัญหามากกว่าผู้ชาย เพราะมีเรื่องวิตกกังวลมากกว่า ซึ่งการประชุมการส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดีทั่วโลก จัดในประเทศไทย วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2550 จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน