หญิงสุราษฎร์ร่ำไห้ซบนายกฯบอกหมดตัว

เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

และคณะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สงขลา และพัทลุง ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมและแจกอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ให้กับพี่น้องประชาชนพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนักและจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ที่โรงพยาบาลสราญรมย์ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

ต่อมา นายอภิสิทธิ์ขึ้นรถบรรทุก 4 ล้อยกสูง (ยูนิม็อก) จังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี ออกตรวจดูสภาพน้ำท่วมตามชุมชนในเขตเทศบาลเมืองท่าข้าม อ.พุนพิน

พบสถานการณ์หนักมากกระแสน้ำไหลเชี่ยวและน้ำสูงเกือบ 2 เมตร จึงยกเลิกภารกิจการไปตรวจเยี่ยมที่ จ.พัทลุง และเดินเท้าร่วม 2 กิโลเมตร เยี่ยมผู้ประสบภัยบนอาคารโรงเรียนเทศบาล 1 เทศบาลเมืองท่าข้ามชุมชนธีราศรม บ้านบนควนและบนสะพานจุลจอมเกล้าข้ามแม่น้ำตาปี ที่นำสิ่งของและรถยนต์หนีน้ำขึ้นไปอยู่จำนวนมาก  

ทั้งนี้ ระหว่างเดินเท้ามีนางประภา แหยมยินดี อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 3 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน เดินร่ำไห้เข้าไปบอกว่าถูกน้ำท่วมจนหมดตัว
 
ซึ่งนายอภิสิทธิ์ปลอบโยนว่า หลายคนประสบภัยด้วยเช่นกันขอให้เข้มแข็งรัฐบาลจะให้การช่วยเหลือ
นางประภากล่าวว่า คิดว่าน้ำไม่แรงจึงยกของหนีน้ำขึ้นเรื่อยๆ แต่น้ำมาเร็วน่ากลัวมาก อยู่กัน 4 คน เก็บของไม่ทันกลัวบ้านจะพังจึงรีบออกมาเอาอะไรออกมาไม่ได้จนถูกท่วมหมด ทั้งบ้านนำสุนัขมาได้เพียง 1 ตัว ที่เหลือจมหมดเนื้อสิ้นตัวเห็นเหลือหลังคาบ้านโผล่บนผิวน้ำ

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คาดกลับสู่ภาวะปกติใน 5-7 วัน

ซึ่งที่ อ.พุนพิน รับน้ำจากนครศรีธรรมราชยังคงมีประชาชนติดอยู่ยังออกมาไม่ได้และยังค้างอยู่ บนถนน สะพานและเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด เครื่องบินลงได้ แต่เข้าเมืองไม่ได้และเป็นห่วงน้ำประปาผลิตจ่ายไม่ได้ จะให้รถทำน้ำเคลื่อนที่ 2 คันของกองทัพบกมาช่วย วันที่ 4 เมษายนจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ พิจารณาการช่วยเหลือต่อไป

"ส่วนพื้นที่การเกษตรให้สำรวจความเสียหายเพิ่มเติมหลังน้ำลด ซึ่งหลายหน่วยงานได้งบฯกลางปี มาและยังไม่ดำเนินการ และถูกน้ำท่วมซ้ำสอง จะพิจารณาให้ ด้านที่อยู่อาศัยจะมีการประเมินตัวเลขเสียหายทั้งหลังและบางส่วนเท่าไหร่ อาจใช้แนวทางโครงการบ้านมั่นคงให้ชุมชนตกลงกันจะให้ทางราชการเข้ามาซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ให้ และขอเตือนให้ระวังโรคภัยต่างๆ หลังน้ำลด" นายกฯกล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือดีใจที่ได้พบว่าประชาชนผู้ประสบภัยมีจิตใจเข้มแข็ง

โดยมีลุงผู้อพยพคนหนึ่งยังมาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง และในความมีวินัยของคนไทยดีมากเช่นเดียวกับที่เราชื่นชมชาวญี่ปุ่นที่พบภัยพิบัติร้ายแรง ส่วนความมีน้ำใจที่มีเด็ก 11 ขวบที่ จ.กระบี่ ได้อุ้มน้องพารอดชีวิตมาได้


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์