แพทย์เตือนโรคเบาหวานฆาตรกรเงียบ ถึงตายเฉียบพลัน

ผู้ป่วยโรคความดันสูงควรระวังเรื่องเบาหวาน


แพทย์เตือนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงระวังเบาหวาน และอีกหลายโรค ทั้งหัวใจโต ไตเสื่อม สมองเสื่อม หัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจตีบ ไตวาย เส้นโลหิตในสมองตีบ-แตก อัมพาต

พ.ญ.อยุทธินี สิงหโกวินท์ อายุรแพทย์โรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลพญาไท 2 เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยมีสถิติเป็นโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงมาก และมากกว่า 90% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานมาจากการรับประทานอาหาร

แพทย์เชื่อว่าเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก


ส่วนความดันโลหิตสูงซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยไม่น้อยกว่าโรคเบาหวานคือ ไม่ต่ำกว่า 90% ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง แต่
ทางการแพทย์เชื่อว่าน่าจะเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ

กรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อมในการดำรงชีวิตและการปฏิบัติตัวประจำวันของแต่ละคน ส่วนอีก 3% ที่ทราบสาเหตุ อาจเกิดจาก โรคไต เช่น โรคไตวายเรื้อรัง หรือไตอักเสบเฉียบพลัน โรคเนื้องอกของต่อมหมวกไตบางชนิด

ผู้ป่วยจำนวนมากจะไม่ทราบว่าเป็น....


โรคครรภ์เป็นพิษ หรือเกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด ซึ่งผู้ป่วยจำนวนมากจะไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูงจนกว่าจะเข้าสู่ช่วงอันตรายของโรค

สำหรับความดันโลหิตทางการแพทย์ หมายถึง แรงดันของกระแสเลือดที่กระทบต่อผนังหลอดเลือด ซึ่งเกิดจากการสูบฉีดของหัวใจ สามารถวัดโดยใช้เครื่องวัดความดัน ซึ่งความดันปกติต้องสูงไม่เกิน 140/90 มม.ปรอท ถ้าความดันโลหิตสูงเกินปกติเป็นระยะเวลานาน

บางรายอาจมีอาการปวดศรีษะได้


จะทำให้เกิดภาวะหัวใจโต ไตเสื่อม รวมถึงอาการอื่นๆ เช่น หัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจตีบ ไตวาย หรือ เส้นโลหิตในสมองตีบหรือแตก ทำให้เกิดอัมพาต อัมพฤกษ์ได้

ส่วนอาการของโรคความดันโลหิตสูงนั้น ในบางรายอาจมีอาการปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย มึนงง เวียนศีรษะ ใจสั่น อ่อนเพลีย เลือดกำเดาไหล ตามองไม่เห็นข้างใดข้างหนึ่งชั่วคราวแต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง มักไม่มีอาการในช่วงแรก

ผู้ป่วยสามารถเสียชีวิตอย่างกะทันหัน


ภาวะความดันโลหิตสูงจึงเป็น "ฆาตรกรเงียบ" ที่ทำให้ผู้ป่วยโรคนี้เสียชีวิตอย่างกะทันหันจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี

ด้วยเหตุนี้จึงควรดูแลป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง จนส่งผลแทรกซ้อนต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ของร่างกาย

ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทางกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม และรูปแบบการใช้ชีวิต ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้น

โดยเฉพาะที่เป็นอยู่นานโดยไม่รู้ตัว


โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นอยู่นานโดยไม่รู้ตัวและไม่ได้รับการรักษาหากการทำงานของอวัยวะผิดปกติมีความรุนแรงมากขึ้น อาจทำให้เสียชีวิต หรือเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต

ดังนั้นเมื่อเกิดอาการผิดปกติเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจวัดความดันและวินิจฉัยอาการของโรค เพราะถ้าตรวจพบภาวะความดันโลหิตสูงมาก แพทย์จะได้ทำ การรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที ซึ่งเมื่อความดันโลหิตลดลงมาสู่ภาวะปกติ อาการดังกล่าวก็จะหายไป

อาจเกิดอาการแทรกซ้อน


พ.ญ.อยุทธินี สิงหโกวินท์ อายุรแพทย์โรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ข้อมูลและสถิติต่างๆ ของการศึกษาทางด้านวิชาการ ปรากฏว่ามีคนไทยและจำนวนประชากรโลกป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น

และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเกิดอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจึงควรตระหนักและป้องกันโรคเบาหวานด้วยการตรวจสืบค้นโรคเบาหวานเป็นระยะๆ

ต้องปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง


เพราะตามสถิติแล้วผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง จะพบโรคเบาหวานร่วมด้วยสูงกว่าปกติ และในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานก็มีความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง 2-5 เท่า คนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานจึงควรตรวจเช็คค่าความดันโลหิตเป็นประจำด้วย

วิธีการรักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานให้ได้ผลดีนั้นขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องและกินยาอย่างสม่ำเสมอ เริ่มตั้งแต่การควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม

ออกกำลังกายอย่างสมำเสมอและพอเหมาะ


ได้แก่ อาหารหมักดอง หรือตากแห้ง กะปิ น้ำปลา ซีอิ๊ว ผงชูรส งดดื่มสุรา และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วน หลีกเลี่ยงภาวะเครียดและหงุดหงิด ทำจิตใจให้สบาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและพอเหมาะ รับประทานยาสม่ำเสมอ ตามคำสั่งแพทย์ ไม่ควรหยุดยาเองเมื่อรู้สึกสบายดี รับการตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

ควรตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสมำเสมอ


"ถ้าไม่อยากให้ตัวเองและคนที่เรารัก ต้องเสี่ยงกับโรคความดันโลหิตสูง ก็ควรใส่ใจดูแลตัวเองและคนใกล้ชิดพร้อมทั้ง ควรตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอและควรวัดหลังตื่นนอนตอนเช้าวันละ 1 ครั้ง ในกรณีที่มีเครื่องวัดความดันโลหิตอยู่ที่บ้าน แล้วควรจดบันทึกวันเวลา

ควรปรึกษาแพทย์ทันที


ค่าที่วัดได้ทุกครั้ง ถ้ามีอาการผิดปกติต่าง ๆ ทางร่างกายควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อการรักษาและป้องกันอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยในแต่ละโรคได้" พ.ญ.อยุทธินี สิงหโกวินท์ ฝากทิ้งท้ายถึงการดูแลตัวเองเพื่อให้ห่างไกลทุกโรค


ขอขอบคุณแหล่งข่าวดีๆ โดย : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์