สั่งคุก6ปีหนุ่มอ้างป่วยทางจิตคลั่งมีดปาดคอน้อง

สั่งคุก 6 ปี หนุ่มอ้างป่วยทางจิต คลั่งมีดปาดคอน้องสาววัย 11 ขวบ หวิดม้วย

วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีความผิดต่อชีวิต อ.501/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอรรถวุฒิ หรือ ปอนด์ ทองมา อายุ 20 ปี ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น และใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย

โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.52 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ขณะที่ นายจิรภัทร เอี่ยมมีอายุ 19 ปี ผู้ตายซึ่งเป็นเพื่อนกับจำเลย และ ด.ญ.บุณฐิตา หรือ หมวย ทองมา อายุ 11 ปี ผู้เสียหาย น้องสาวของจำเลย กำลังเล่นกับเพื่อนเด็กคนอื่น ๆ บริเวณบ้านเลขที่ 2/17 หมู่ 1 เขตดอนเมือง กทม. จำเลยได้เดินถือมีดปลายแหลมยาวประมาณ 8 นิ้ว ตรงเข้ามาล็อกคอ  ด.ญ.หมวย แล้วใช้มีดด้านสันปาดคอ ก่อนจะแทงสีข้าง 1 ครั้ง 

จากนั้นจำเลยได้ใช้อาวุธมีดแทงไปที่หน้าอกด้านขวาของ นายจิรภัทร ล้มลงกับพื้นทำให้เด็ก ๆ ที่เล่นอยู่ตกใจวิ่งหนีเข้าไปในบ้านของ นายทศพร ทองมา พี่ชายของจำเลย โดยนายทศพร ได้เข้าต่อสู้แย่งมีดกับจำเลยได้ แต่โดนจำเลยชกต่อยบริเวณใบหน้า ก่อนจะหลบหนีไป ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมจำเลยได้บริเวณใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุ โดยผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.แล้วปรากฏว่านายจิรภัทร ถูกคมมีดแทงทะลุผนังกล้ามเนื้อหัวใจ จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วน ด.ญ.หมวย มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีคมด้านสีข้างด้านขวาลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อมีอาการสาหัส แพทย์ทำการผ่าตัดช่วยชีวิตเอาไว้ได้ 

ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธนำสืบต่อสู้ว่า จำเลยมีอาการปวดศีรษะ เหม่อลอย พูดจาไม่รู้เรื่อง มารดาของจำเลยต้องพาไปพบแพทย์ที่ รพ.ศรีธัญญา เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 52 แพทย์ให้ความเห็นว่า จำเลยมีอาการทางจิต ต้องทานยาเพื่อไม่ให้อาการดังกล่าวกำเริบ ก่อนเกิดเหตุ ยาจำเลยหมด จึงมีอาการกำเริบ จำเลยจำไม่ได้ว่าขณะเกิดเหตุใช้มีดทำร้ายใครบ้าง ทราบเรื่องดังกล่าวในขณะที่อยู่ในเรือนจำแล้ว 

ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า โจทก์มีประจักษ์พยานเบิกความได้สอดคล้องต้องกันว่า จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกาย ด.ญ.หมวย น้องสาวของจำเลย รวมทั้งชกต่อยนายทศพร พี่ชายของจำเลยจริง แม้ว่าจำเลยจะต่อสู้คดีว่า ทำไปเพราะมีอาการป่วยจึงไม่รู้ผิดชอบ แต่จากรายงานความเห็นของแพทย์ ได้วินิจฉัยว่า จำเลยป่วยเป็นโรคทางจิตเวช ไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยป่วยเป็นโรคประสาท ถึงกระทำการโดยไม่รู้สึกตัว 

ทั้งยังไม่ปรากฏว่าเคยรับตัวจำเลยไปรักษาที่ รพ. นอกจากนี้ยังมี พ.ต.ท.บุญโชติ เลี้ยงบำรุง พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เบิกความว่า ขณะแจ้งข้อกล่าวหา จำเลยเข้าใจคำถาม และให้การปฏิเสธได้ จึงเชื่อว่า จำเลยกระทำไปโดยยังสามารถรับรู้ผิดชอบอยู่บ้างหรือสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ตาม ป.อาญามาตรา 65 วรรคสอง ศาลจึงเห็นสมควรลงโทษตามความเหมาะสมแก่พฤติการณ์

ดังนั้นจึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นจำคุก 6 ปี ฐานพยายามฆ่าจำคุก 4 ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุอันตรายแก่กายจำคุก 3 วัน จำเลยรับข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 ฐานฆ่าผู้อื่นเหลือจำคุก 4 ปี ฐานพยายามฆ่า เหลือจำคุก  2 ปี 8 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุอันตรายแก่กายเหลือจำคุก  2 วัน รวมโทษจำคุก 6 ปี 8 เดือน 2 วัน ให้ริบอาวุธมีดของกลาง



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์