ทรูมูฟซื้อฮัทช์จ่อต่อพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ

แหล่งข่าวจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หากบริษัท ทรูมูฟ จำกัด เจรจาซื้อกิจการจากบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด ผู้ได้สิทธิทำตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบซีดีเอ็มเอ แบรนด์ฮัทช์ 25 จังหวัดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงบริษัท บีเอฟเคที ผู้ลงทุนโครงข่ายซีดีเอ็มเอ ได้สำเร็จ 


โดย กสท ยอมยกเลิกสัญญาฉบับเดิมกับ 2 บริษัทดังกล่าว และทำสัญญาใหม่กับทรูมูฟนั้น ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าสัญญาใหม่จะเป็นลักษณะการให้สัมปทานกับทรูมูฟหรือไม่ โดยเฉพาะหากให้สิทธิทรูมูฟบริหารคลื่นความถี่และลงทุนโครงข่าย อาจจำเป็นต้องผ่านการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) เนื่องจากมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้กระบวนการจากนี้ต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร

 


แหล่งข่าวกล่าวว่า การเปลี่ยนให้ทรูมูฟเป็นผู้ซื้อกิจการฮัทช์แทน กสท นั้น กสท ไม่ได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ รายงานเฉพาะเรื่องที่ กสท ยุติการซื้อฮัทช์เท่านั้น ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องกังวลอีกเรื่องคือ หากดำเนินการในรูปแบบสัญญาสัมปทาน รายได้ที่เกิดขึ้น กสท ต้องนำส่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในปีที่ 3 หลังจากที่ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และการประกอบกิจการวิทยุ กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มีผลบังคับใช้ ซึ่งเท่ากับว่าการดำเนินธุรกิจร่วมกับทรูมูฟ กสท อาจไม่ได้รับผลประโยชน์ที่คุ้มค่า


 

 

นายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า กสท จะต้องดูข้อตกลงในเรื่องสัญญาสัมปทาน และปฏิบัติต่อคู่สัญญาอย่างยุติธรรม โดยเฉพาะกรณีดังกล่าวจะเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ หรือไม่ "เราไม่ได้ออกมาตีโพยตีพาย สิ่งที่เราต้องการคือความยุติธรรมในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม"

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 7 มกราคม หุ้นกลุ่มสื่อสารปรับราคาลดลง โดยทรูปิดที่ระดับ 6.30 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ 8.70% ดีแทคปิด 43 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.15% และเอไอเอส ปิดที่ 86 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.43%


นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาหุ้นทรูที่ปรับลงแรง ส่วนหนึ่งเพราะกังวลเกี่ยวกับดีลการซื้อฮัทช์ว่าอาจติดปัญหาข้อกฎหมาย แต่หลักๆ น่าจะมาจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรงกว่า 140% ในช่วงปี 2553 จึงมีแรงเทขายทำกำไร



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์