ผู้หญิงผวาเข้าสนามบิน สแกนเห็นหมดเว้าโค้ง เจ้าหน้าที่ตากุ้งยิงแน่

ข้อมูล จากหนังสือพิมพ์ชั้นนำของประเทศ ผู้จัดการ

ระบบตรวจความปลอดภัยแบบเก่า

เดลิเมล์ ปีหน้าใครที่ต้องเดินทางเข้าออกสหรัฐฯ โดยเครื่องบินอาจจะต้องคิดหนัก เพราะระบบสแกนแบบใหม่รักษาความปลอดภัยชนิดเข้มข้น กำลังจะถูกติดตั้งตามสนามบิน ผู้โดยสารต้องผ่านการเอ็กซเรย์เรือนร่างอย่างละเอียด เห็นวัตถุติดตัวในร่มผ้า รวมถึงภาพส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชัดเจน เป็นที่น่ากังวลว่าจะกลายเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลกันมากเกินไปหรือไม่


องค์การรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐฯ เตรียมนำระบบการสแกนร่างกายแบบใหม่มาทดสอบใช้ที่สนามบินในสหรัฐอเมริกา

ระบบตรวจความปลอดภัยแบบใหม่ เห็นหมดโค้งเว้า

โดยระบบดังกล่าวสามารถแสดงภาพของผู้ที่ผ่านเข้าเครื่องสแกนได้อย่างละเอียดตามสัดส่วนโค้งนูน (ตามที่เห็นในภาพ) ซึ่งจุดประสงค์สำคัญก็คือการตรวจจับวัตถุระเบิดหรืออาวุธต่างๆ ที่เครื่องตรวจจับโลหะมองข้ามไป

เทคโนโลยีที่เห็นในภาพนี้ เรียกว่า แบคสแคตเตอร์ (backscatter) หรือเทคนิคการกระเจิงกลับของแสง

ซึ่งใช้ตรวจจับรังสีที่สะท้อนกลับมาจากวัตถุ โดยสามารถแยกแยะวัตถุอินทรีย์ที่มีน้ำหนักเบากว่าออกจากบรรดาโลหะที่อยู่โดยรอบ จากนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะสร้างภาพโดยปรับส่วนที่เป็นโลหะให้แตกต่างจากส่วนที่เป็นสารอินทรีย์ (หรือร่างกายของเรา) ให้ได้รูปทรงที่เฉพาะเจาะจง

เทคนิคแบคสแคตเตอร์ถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบหาสิ่งผิดปกติ อย่างวัตถุระเบิดและยาเสพติดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว รวมถึงสหรัฐฯ เองก็ใช้เทคนิคนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยหลังเกิดกระแสการก่อการร้าย และปัจจุบันใช้ในเรือนจำ ทว่ายังไม่มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในที่สาธารณะ เพราะข้อกังวลในประเด็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

เมื่อทีเอสเอ (U.S. Transportation Security Administration : TSA) มีแผนนำการสแกนแบบวาบหวิวนี้มาใช้กับผู้โดยสารเครื่องบิน ทางองค์กรก็รีบออกตัวว่า ประชาชนไม่ต้องกังวลต่อการสแกนแบบนี้ เพราะพวกเขาสามารถปรับการแสดงผลให้ภาพบางส่วนของร่างกายที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวนั้นออกมาแบบมัวๆ ไม่ชัดเจนได้ ขณะเดียวกันก็สามารถตรวจสอบอาวุธหรือสิ่งที่น่าจะเป็นวัตถุระเบิดได้เช่นกัน


นิโค เมเลเดซ (Nico Melendez) โฆษกของทีเอสเอเปิดเผยว่า ทางองค์กรเชื่อว่าการเอ็กซ์เรย์ละเอียดเช่นนี้จะช่วยให้ตรวจจับระเบิดแสวงเครื่องทั้งที่เป็นพลาสติกและของเหลว

รวมถึงอาวุธที่ไม่ได้ทำจากเหล็ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถตรวจจับได้จากเครื่องตรวจอาวุธโลหะแบบเดินผ่านที่ใช้กันตามสนามบินทั่วโลก

อย่างไรก็ดี การสแกนแบบแบคสแคตเตอร์ที่ให้ภาพความละเอียดสูงนั้น ทำให้เห็นเรือนร่างของผู้โดยสารได้อย่างชัดเจน รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตัวทั้งเครื่องประดับหรืออื่นๆ ในร่างกาย นับเป็นการรุกละเมิดความเป็นส่วนตัว

แต่ทีเอสเอก็พยายามชี้แจงให้เบาใจว่า ภาพที่ปรากฏจากการเอ็กซ์เรย์นั้นจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงผู้เดียวที่จะได้เห็นและตรวจสอบเป็นการลับ โดยเจ้าหน้าที่ผู้นั้นจะอยู่ในห้องเฉพาะ ห่างไกลจากผู้ที่ถูกสแกน ผู้โดยสารอื่นๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ตรงตำแหน่งสแกนตัวจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเหล่านั้น

โฆษกทีเอสเอเล่าอีกว่า เมื่อตรวจสอบภาพสแกนแบบล้วงลึกของผู้โดยสารแต่ละรายเสร็จแล้ว ภาพดังกล่าวก็จะถูกลบออกจากระบบทันทีที่ผู้โดยสารก้าวออกจากเครื่องสแกน โดยจะไม่มีการเก็บหรือถ่ายโอนข้อมูลแต่อย่างใด


ช่วงปลายเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้จะนำไปติดตั้งที่สนามบินนานาชาติฟีนิกซ์ส์


ขณะนี้ทีเอสเอกำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคนี้อยู่ และเผยว่าช่วงปลายเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้จะนำไปติดตั้งที่สนามบินนานาชาติฟีนิกซ์ส์ สกาย ฮาร์เบอร์ก่อน 1 เครื่องเพื่อทดสอบการทำงาน และจะมีแผนจะใช้การสแกนแบบแบคสแคตเตอร์กับทุกๆ สนามบินในสหรัฐฯ ในช่วงปี 2550 ที่สำคัญเทคนิคนี้เคยนำไปใช้ทดสอบที่สนามบินฮีทโธรว์ในลอนดอนมาแล้วด้วย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์