เตรียมทดสอบ100%เสียงสุวรรณภูมิ

นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า จากที่กรมควบคุมมลพิษได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการแก้ไขปัญหามลภาวะทางเสียงที่เกิดจากสนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดมีข้อสรุปว่าจะมีการประเมินมลภาวะทางเสียงจากการทดลองใช้เส้นทางบินทั้งทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกในรูปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มคือ 80 เที่ยวบินต่อวัน เพื่อประเมินดูว่าจะเกิดผลกระทบมากน้อยแค่ไหน

และส่งผลกว้างขวางเท่าใดเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ในการทดสอบแบบใช้ทั้งสองรันเวย์ในการใช้งานแบบเต็มศักยภาพเป็นข้อเสนอของบริษัทวิทยุการบิน จำกัด เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิได้ใช้งานอย่างเต็มที่ตามจุดประสงค์ของการสร้างมาตั้งแต่เริ่มแรก แต่ในปัจจุบันยังคงแบ่งใช้สลับกันอยู่ระหว่างรันเวย์ด้านทิศตะวันตก และทิศตะวันออก

ซึ่งการทดสอบแบบร้อยเปอร์เซ็นต์จะทำให้ได้กรอบผลกระทบที่ชัดเจนขึ้น กรมควบคุมมลพิษจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดำเนินการภายใน 2-3 วันนี้ และหลังจากการทดสอบแล้วจะได้มีการประชุมเพื่อสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง หากผลสรุปเป็นที่ยอมรับก็จะมอบให้ทอท.ไปดำเนินการทันที

นายสุพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากมลภาวะทางเสียงที่มีค่าเอ็นอีเอ็ฟมากกว่า 40 จากการใช้สนามบินปัจจุบัน พบว่าเป็นชาวบ้านที่อยู่ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้

ซึ่งเป็นช่วงของการบินขึ้นลงของเครื่องบิน มีจำนวนทั้งสิ้น 330 หลังคาเรือน เนื่องจากมีค่าความดังของเสียงสูงกว่า 70 เดซิเบล หากอยู่ต่อไปจะส่งผลถึงสุขภาพได้ในอนาคต ทั้งนี้ผู้ที่เดือดร้อนในกลุ่มนี้ ทางทอท.จะซื้อคืนทั้งหมด อย่างไรก็ตามอาจจะมีกลุ่มชาวบ้านบางส่วนที่ไม่อยากจะย้ายออก เพราะอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวมานานและถ้าหากไม่ยอมย้าย ทอท.ก็จะเข้าไปปรับปรุงสภาพบ้านเรือนให้เพื่อลดผลกระทบทางเสียง แต่ตนคิดว่าถึงจะซ่อมแซมปรับปรุงอย่างไร เมื่อออกมานอกบ้านก็ต้องได้ยินเสียงอยู่ดี

ซึ่งในระยะแรกๆ อาจจะทนได้แต่หากต้องอยู่ไปเป็นเวลานาน จะกระทบต่อสุขภาพอย่างแน่นอน จึงอยากจะแนะนำให้ย้ายออก ทั้งนี้ ในการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐกับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน พบว่าชาวบ้านมีความเข้าใจที่ดีขึ้นมากเนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านอาจจะยังไม่เข้าใจผลของมติ ครม. ทำให้มีการสอบถามกันมากซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้เข้าใจ โดยเฉพาะการพิจารณาให้ความช่วยเหลือค่าชดเชย รวมทั้งการซื้อพื้นที่คืน โดยการซื้อคืนดังกล่าวจะพิจารณาบ้านที่ก่อสร้างหลังปีพ.ศ.2544 ด้วย