ห่วงทหารเกณฑ์ติดเอดส์เพิ่ม เหตุไม่ใช้ถุงกับคู่นอนชาย

ห่วงทหารเกณฑ์ติดเอดส์เพิ่ม เหตุไม่ใช้ถุงกับคู่นอนชาย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 ธันวาคม 2549 13:46 น.

เผยพบทหารเกณฑ์มีพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี กว่าร้อยละ 79 เฉลี่ยอายุ 17 ปี มีประสบการณ์ครั้งแรก สถิติการใช้ถุงยางอนามัยในภาพรวมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับหญิงขายบริการ น่าห่วงที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยเลยกับคู่นอนที่เป็นชาย เรียกร้องรณรงค์ให้ความรู้การป้องกันเอดส์ กำชับต้องใช้ถุงยางอนามัยกับคู่นอนทุกประเภท เหตุเสี่ยงติดเอดส์เท่ากัน

นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สำนักระบาดวิทยาทำการสำรวจพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีควบคู่ไปกับระบบการเฝ้าระวังการติดเชื้อเอชไอวี เริ่มสำรวจตั้งแต่ปี 2532 เฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี โดยศึกษาพฤติกรรมด้านต่างๆ เช่น พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ พฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัยกับคู่นอนประเภทต่างๆ และการมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด ในกลุ่มทหารกองประจำการ อายุ 18 - 29 ปี ซึ่งเป็นเสมือนการศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นชายทั่วไป

เผย พฤติกรรมสุดเสี่ยง

โดย น.ส.ธรีรัตน์ เขมะสิริ และ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ กลุ่มงานระบาดวิทยาโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้ศึกษา พฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มทหารกองประจำการ รอบที่ 10 ปี พ.ศ.2547 ซึ่งจากรายงานของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ กรมแพทย์ทหารบก มีชายไทยที่เข้าเป็นทหารกองประจำการ ผลัดเดือนพฤษภาคม 2547 ติดเชื้อเอชไอวี จำนวน 4,152 คน จากทหารกองประจำการทั้งหมด 29,540 คน สุ่มเลือกอาสาสมัคร 4,299 คน มีอายุเฉลี่ย 21 ปี โดยผู้ตอบไม่ต้องระบุชื่อ หรือข้อมูลอื่นๆ ที่จะใช้เพื่อระบุตัวบุคคลได้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการรักษาความลับ

ผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมฯ พบว่า ร้อยละ 79.3 เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ทหารกองประจำการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเฉลี่ยอายุ 17 ปี มีบางคนเริ่มตั้งแต่อายุ 9 ปี และส่วนใหญ่มีเพศสัมพันธ์กับคนรัก หรือเพื่อนสนิท (ร้อยละ 65.8) ร้อยละ 11.7 มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับหญิงขายบริการ ร้อยละ 11.2 กับเมีย หรือคู่ที่อยู่กินด้วยกัน ร้อยละ 10.7 กับผู้หญิงอื่น และร้อยละ 0.7 มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย โดยการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเพิ่มขึ้น จากที่ลดลงมาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 และกลุ่มทหารที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับหญิงขายบริการ มีการใช้ถุงยางอนามัยถึงร้อยละ 77.4 ซึ่งแตกต่างกับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับผู้ชายที่ไม่มีผู้ใดใช้ถุงยางอนามัยเลย

สำหรับประวัติการมีเพศสัมพันธ์ในรอบปีที่ผ่านมา พบว่า

ร้อยละ 24 มีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ ร้อยละ 41.6 กับหญิงอื่น รวมถึงทหารร้อยละ 6.2 มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน และส่วนใหญ่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ และหญิงอื่นจำนวน 2-4 คนในรอบปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดกับคู่นอนประเภทต่างๆ ร้อยละ 86.5 ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดกับหญิงขายบริการ ร้อยละ 55.2 ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดกับหญิงอื่น และร้อยละ 50 ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดกับผู้ชาย ซึ่งสอดคล้องกับการใช้ถุงยางอนามัยในปีที่ผ่านๆ มาของทหารกองประจำการกับคู่นอนทั้ง 3 ประเภท เมื่อศึกษาทหารกองประจำการที่แต่งงานแล้ว แต่มีเพศสัมพันธ์นอกสมรส ซึ่งปีนี้ผลออกมาสูงที่สุดในรอบ 10 ปี คือ ร้อยละ 55.8

ผลการศึกษาพบว่า ระดับร้อยละของการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเพิ่มขึ้น แสดงถึงการกระจายความรู้ในการใช้ถุงยางอนามัย และความตระหนักในการป้องกันตนเองจากโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน การมีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ หญิงอื่น และผู้ชายของทหารเกณฑ์ในปีที่ผ่านมาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น ซึ่งในปัจจุบันได้เปลี่ยนจากการซื้อบริการทางเพศ เป็นการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นมากยิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่าหญิงอื่นปลอดจากโรคมากกว่าหญิงขายบริการ โดยจะมีการตีสนิทด้วยการพูดคุยกันตามสถานบันเทิง และมีเพศสัมพันธ์กันในที่สุด แต่ในทางกลับกัน การใช้ถุงยางอนามัยกับหญิงอื่น แค่ร้อยละ 35.3 อัตราการใช้เมื่อมีเพศสัมพันธ์น้อยกว่าหญิงขายบริการอยู่ที่ร้อยละ 63.1 ในความเป็นจริง การมีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ หญิงอื่น และผู้ชาย ต่างก็มีความเสี่ยงเท่ากันหากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย นพ.คำนวณ กล่าว

ผู้ศึกษาได้ให้มีข้อเสนอแนะ คือ ให้รณรงค์สอนเพศศึกษาให้ทหารเกณฑ์มีเพศสัมพันธ์ช้าลง และเมื่อมีเพศสัมพันธ์ต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกคู่นอน โดยเน้นถึงการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ และกับหญิงอื่นว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีเท่าเทียมกัน ส่งเสริมการอบรม หรือให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ รวมถึงการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ เพื่อทหารกองประจำการสามารถป้องกันตนเองจากการติดเชื้อเอชไอวี รวมถึงการป้องกันไม่ให้ตนเองเป็นผู้แพร่เชื้อด้วย เน้นการมีเพศสัมพันธ์แบบรักเดียวใจเดียวในกลุ่มทหารที่แต่งงานแล้ว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์