เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายจิตติ มงคลชัยอรัญญา อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กล่าวถึงข่าวการพบศพเด็กที่วัดไผ่ตัน จำนวน 2002 ศพ สังคมไทยควรเรียนรู้อะไร ว่า อย่างน้อยก็บีบคั้นและทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และภาคประชาสังคม รวมทั้งนักการเมือง ขยับตัวจัดเวทีเสวนา สร้างนโยบาย หรือข้อเสนอต่อสังคม ทั้งการสร้างพื้นที่ทางสังคมเพื่อเสนอแนะและผลักดันแนวคิด นโยบาย การเสนอแก้ไขหรือไม่แก้ไขกฎหมายการทำแท้ง ข้อเสนอให้ลงโทษชายที่ทำให้ผู้หญิงท้อง และผู้กระทำผิดทุกคนสมควรได้รับการลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่บางส่วนมองในเชิงความเป็นจริงในสังคมที่ต้องหาทางแก้ไขเมื่อเกิดปัญหาแล้ว เช่น การช่วยเหลือคนท้องหรือมีบุตรโดยไม่พร้อมในด้านต่างๆ การไม่มองว่าคนท้องที่ไปทำแท้งผิดต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย
โดยควรอาศัยสื่อมวลชนเชื่อมข้อมูลข้อเสนอแนะ ที่ต่างฝ่ายต่างเสนอ แต่ไม่พยายามหาข้อสรุปร่วมกัน มองโดยรวม
สังคมไทยยังใช้ความรู้หรือปัญญาในการพิจารณา วางแผน ป้องกัน แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นน้อย งานวิชาการที่จะนำมาใช้พิจารณาปัญหา ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา สาเหตุของปัญหา และการกำหนดแนวทางแก้ไขยังมีไม่มาก และการวางแผนใดๆยังขาดข้อมูลที่ถูกต้อง เหมาะสม เพียงพอ เราใช้ความคิด เช่น คิดไปว่าคนทำแท้งเป็นวัยรุ่น คนด้อยหรือมีการศึกษาน้อยมักจะทำแท้ง ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่ค่อยสนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้น อีกชั่วระยะเวลาหนึ่งคนจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
คิดทำแบบแก้ไขเฉพาะหน้า ชั่ววูบ ไม่ได้มองภาพรวมทั้งระบบ หรือแบบองค์รวม มาตรการป้องกัน แก้ไขปัญหาที่เสนอกัน ก็ทำเป็นพักๆ พอเปลี่ยนรัฐบาลหรือเปลี่ยนอธิบดีก็เปลี่ยนมาตรการกัน ทำให้ไม่เกิดความต่อเนื่อง ปัญหาต่างๆจึงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งที่การทำแท้งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และท้าทายจริยธรรมมนุษย์ มาตรการที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ หากคนในสังคมหย่อนศีลธรรมก็ถึงเวลาต้องมาทบทวนหลักศีลธรรมเหมาะสมหรือไม่ กระบวนการในการหล่อหลอมความคิด ความเชื่อให้แก่คนรุ่นหลังเหมาะสมหรือไม่ จะปรับปรุงอย่างไร ส่วนกรณีคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกฎหมายไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างเคร่งครัด เท่าเทียม เป็นธรรม ก็ต้องมาพิจารณาทบทวนอีกเช่นกันว่า ต้องปรับปรุง แก้ไข หรือออกกฎหมายใหม่ขึ้นมาแทน เพื่อให้สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
