จิกมีปลื้ม-ย้ำก่อนกลับไม่ลืมคนไทย

สุนทรพจน์รับปริญญาถ่อมตน-ต้องเรียนรู้อีก


เจ้าชายจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จฯมหาวิทยาลัยรังสิต รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ โดยมีองคมนตรีและนายกสภามหาวิทยาลัยทูลเกล้าฯถวาย มีน.ศ.-ประชาชนเฝ้าฯรับเสด็จชื่นชมพระบารมีตลอดสองข้างทาง ในขณะที่ทรงยกมือไหว้ตอบรับอย่างเป็นกันเอง พร้อมพระราชทานสุนทรพจน์แก่นักศึกษาและบัณฑิตใหม่ ให้นึกถึงความเสียสละของบรรพบุรุษผู้สร้างชาติไทยด้วยความยากลำบาก ต้องรักประเทศและรักชาติ โดยดูแบบอย่างจากในหลวง ซึ่งทรงมีพระเมตตา มีความยุติธรรม เสียสละ และทรงมีความพยายาม มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อประเทศชาติ เผยคนไทยโชคดีที่มีพระเจ้าแผ่นดินแบบนี้ ในขณะที่คนอีกจำนวนมากไม่มีโอกาส ตรัสจะไม่ลืมสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นที่ได้รับจากประเทศไทยตลอดชีวิตนี้ ก่อนเสด็จฯไปขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ ทรงเดินทางต่อไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่ประเทศอินเดีย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 พ.ย. มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จฯออกจากที่ประทับโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ไปยังมหาวิทยาลัยรังสิต โดยมีนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี อาจารย์ นักศึกษาและประชาชน เฝ้าฯรับเสด็จ บริเวณด้านหน้าอาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ เต็มไปด้วยนักศึกษา ญาติบัณฑิตและประชาชนจำนวนมาก

"ประชาชน ส่งเสียงแสดงความชื่นชมพระบารมี"


หลังจากมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ประทับพักผ่อนตามพระราชอัธยาศัย เสวยพระกระยาหารกลางวัน และทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นฉลองพระองค์ครุยปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แล้วนั้น เวลา 13.30 น. เสด็จฯจากอาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ ไปยังอาคารนันทนาการโดยรถกอล์ฟพระที่นั่ง พร้อมด้วยนายกสภามหาวิทยาลัยและอธิการบดี ตลอดเส้นทางมีประชาชนและนักศึกษารับเสด็จแน่นทั้งสองข้างทาง ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสภามหาวิทยาลัย นำธงชาติราชอาณาจักรภูฏานแจกให้กับประชาชนเพื่อโบกสะบัด เมื่อเจ้าชายจิกมีเสด็จฯ ผ่าน ประชาชนต่างพร้อมใจกันโบกธง และส่งเสียงแสดงความชื่นชมพระบารมี อีกทั้งยังยกกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือถ่ายพระรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งเจ้าชายทรงยกมือไหว้ไปจนถึงบริเวณด้านหน้าอาคารนันทนาการ
เจ้าชายจิกมี รับการถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาการเมือง และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรังสิต โดยมีพล.อ.ต.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ทูลเกล้าฯถวาย เมื่อวันที่ 26 พ.ย.

สำหรับครุยดุษฎีบัณฑิตของเจ้าชายจิกมี ทรงสวมเป็นเสื้อคลุมถึงคอ ตัวเสื้อผ่าอกตลอดยาวเหนือข้อเท้า 15 เซนติเมตร ทำด้วยผ้าสวิสสีดำ มีจีบที่หน้าอก แขน และด้านหลังแขนเสื้อยาวตกถึงข้อมือ ปลายแขนปล่อย ตอนกลางแขนเสื้อทั้ง 2 ข้าง มีแถบกำมะหยี่สีบานเย็นกว้าง 5 เซนติเมตร จำนวน 3 แถบ บริเวณไหล่และอกทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำเรียบ บริเวณสาบเสื้อแต่ละข้างเป็นแถบกำมะหยี่สีประจำมหาวิทยาลัยรังสิต ฟ้าบานเย็น กว้าง 8 เซนติเมตร ลักษณะเหมือนกันทั้ง 2 ข้าง ไม่โอบรอบคอเสื้อ ผ้าคล้องคอทำด้วยผ้าแพรสวิสสีดำ ขลิบริมด้านนอกด้วยกำมะหยี่สีบานเย็นกว้าง 12 เซนติเมตร ด้านในเป็นผ้ากำมะหยี่สีม่วงอ่อน สีประจำวิทยาลัยนานาชาติ เบื้องอกทั้ง 2 ด้านกลัดเข็มเครื่องหมาย มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นทองคำหนัก 19.2 กรัม คาดด้วยสังวาลทองเหลืองชุบทอง มีหมวกเป็นรูปแปดเหลี่ยมสีดำ มีพู่ห้อยสีทองข้างหมวก ส่วนใบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์เป็นทองคำ 99.9% ขนาดกว้าง 8.5 นิ้ว ยาว 10 นิ้ว กึ่งกลางด้านบนประดับตราสัญลักษณ์ประจำ มหาวิทยาลัยรังสิต แถบด้านข้างซ้ายขวาสกรีนสีประจำมหาวิทยาลัยฟ้าบานเย็น

"ทูลเกล้าฯถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์"


เมื่อเสด็จเข้าสู่ห้องประชุม คณะนักดนตรีบรรเลงเพลงชาติราชอาณาจักรภูฏานและเพลงชาติไทยถวายการต้อนรับ โดยมีนักศึกษาถือธงประจำชาติไทยและราชอาณาจักรภูฏาน เดินนำเจ้าชายจิกมีไปยังที่ประทับ หลังจากอธิการบดีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและกราบบังคมทูลคำถวายประกาศเกียรติคุณเจ้าชายจิกมี พล.อ.ต.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรีและนายกสภามหาวิทยาลัย ทูลเกล้าฯถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์แด่เจ้าชายจิกมี คณะนักร้องและนักดนตรีขับร้องและบรรเลงเพลงเฉลิมพระเกียรติ "Precious Prince of Hearts" จากนั้นเจ้าชายจิกมีพระราชทานสุนทรพจน์แก่นักศึกษาประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง โดยมีใจความว่า

"ขอบคุณมากสำหรับความปรารถนาดีอันนี้ ในตอนแรกรู้สึกไม่อยากตอบรับ เพราะคิดว่าไม่สมควรที่จะได้รับ แต่เมื่อเห็นถึงความตั้งใจ จึงทำให้รู้สึกว่าจะทรงดำรงตนเป็นคนดี เพื่อให้สมกับที่ได้รับเกียรติอันนี้ ปกติแล้วเมื่อมีโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปยังประเทศต่างๆ จะพยายามสังเกตว่าแต่ละประเทศประสบความสำเร็จได้อย่างไร มีความเป็นอยู่อย่างไร ซึ่งจากการสังเกตนั้นทำให้รู้ว่าแต่ละประเทศต่างมีสิ่งที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ แต่ข้าพเจ้ายังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ จึงต้องอาศัยจากการเรียนรู้ จากประสบการณ์ที่ได้พบปะผู้คนหลากหลาย"

"ให้คนไทยสืบทอดความสามัคคีต่อจากบรรพบุรุษ"


"ในความคิดนั้นรู้สึกว่าเป็นเกียรติมากที่ได้มีโอกาสมาประเทศไทยหลายครั้ง และการมาทุกครั้งคนไทยก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี รับรู้ได้ถึงสิ่งดีๆ ที่คนไทยมอบให้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสามัคคี อีกทั้งยังเป็นประเทศที่สร้างขึ้นมาจากความยากลำบาก และความเสียสละของบรรพบุรุษมาหลายชั่วอายุคน เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่บัณฑิตใหม่ จะต้องสืบทอดในสิ่งที่บรรพบุรุษได้ทำสืบต่อกันมา" เจ้าชายจิกมีตรัส

มกุฎราชกุมารภูฏานตรัสถึงความสำคัญของการศึกษาว่า เป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศชาติพัฒนาได้อย่างยิ่งใหญ่ ไม่มีพื้นฐานใดสำคัญไปกว่าการศึกษาเพื่ออนาคตอันสดใส ในประเทศภูฏานจะชอบพูดกันถึงเรื่องของอนาคต ซึ่งเยาวชนนอกจากจะเป็นอนาคตของมนุษยชาติแล้ว ยังถือเป็นอนาคตที่ดีของปัจจุบันด้วย แม้ว่าเยาวชนในแต่ละประเทศจะมีความต้องการที่แตกต่างกัน วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ การใส่เสื้อผ้าอาจแตกต่างกัน แต่ต่างก็มีความปรารถนาเดียวกัน คือการที่จะได้เห็นประเทศมีอนาคตที่ประสบความสำเร็จ เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้เรียนรู้ความจริง ซึ่งจะทำให้คิดได้อย่างชาญฉลาด ทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ทรัพยากรของประเทศให้เป็นประโยชน์

"ทรงรับสั่ง ให้คนไทยรักชาติ"


"สิ่งสำคัญที่เยาวชนทุกคนควรจะมี คือจะต้องรักประเทศ รักชาติและรักอย่างชาญฉลาด เยาวชนไทยนั้นไม่ต้องหาแบบอย่างจากที่ไหน เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะในหลวงทรงเป็นคนขยัน ทรงมีพระเมตตา มีความยุติธรรม เสียสละ และทรงมีความพยายาม มุ่งมั่นที่จะทำเพื่อประเทศชาติ เพราะฉะนั้นเยาวชนไทยควรจะรู้จักนำในหลวงมาเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต ซึ่งแบบอย่างนี้จะทำให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จและมีความมั่งคั่ง อยากให้เยาวชนไทยระลึกไว้ในใจเสมอว่ามีในหลวงที่ทรงดีขนาดนี้ ซึ่งยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสดีๆ เหมือนกับประเทศไทย" มกุฎราชกุมารภูฏานตรัส

จากนั้นทรงกล่าวต่อว่า ในราชอาณาจักรภูฏานใช้หลักพัฒนาประเทศแบบ Gross National Happiness (GNH) เป็นแนวทางในการสร้างประเทศ โดยพยายามที่จะเข้าถึงประชาชนในเรื่องของการสร้างจิตใต้สำนึกของประชาชนทุกชนชั้น ว่าสิ่งนี้เป็นหน้าที่ ความรับผิดชอบสำคัญสำหรับทุกคน แม้ว่าประเทศอื่นๆ พยายามที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศ แต่สำหรับภูฏานซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็ต้องการเป็นประเทศที่จะแสวงหาความสุขในจิตใจมากกว่าทางด้านวัตถุ

"ประชาชนเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก"


"ปีนี้ถือเป็นปีพิเศษของในหลวง ที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และยังเป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับพระองค์ ข้าพเจ้ามีความรัก เคารพและชื่นชมในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นอย่างมาก จะไม่มีวันลืมที่ได้มาเมืองไทย และจะไม่มีวันลืมประสบการณ์ดีๆ ในครั้งนี้ โดยในทุกครั้งที่นึกถึง จะรู้สึกชื่นชมไปกับความทรงจำในครั้งนี้ไปตลอดชีวิต" เจ้าชายจิกมีตรัส

จากนั้นเจ้าชายจิกมี ทรงยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนที่จะเสด็จฯกลับ ยังคงมีประชาชนเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีอยู่ตลอด 2 ข้างทาง ขณะที่เจ้าชายจิกมีประทับอยู่ในรถยนต์พระที่นั่ง ทรงเปิดกระจกทั้ง 2 ด้าน และทรงยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณไปตลอด 2 ข้างทางก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินออกนอกมหาวิทยาลัย จากนั้นเสด็จฯ กลับไปยังโรงแรมที่ประทับเพื่อเสด็จฯยังสนามบินสุวรรณภูมิและทรงเดินทางต่อไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียในเที่ยวบินที่ ทีจี 315 เวลา 19.45 น.

ด้านนายอิกต์ซาล ดอร์จี นักศึกษาจากภูฏานให้สัมภาษณ์ว่า เพิ่งจะเข้ามาเรียนที่คณะศิลปศาสตร์ สาขาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นเทอมแรก ที่นี่มีนักศึกษาชาวภูฏานอยู่ 17 คน ตนเป็นพระสหายกับน้องชายต่างพระมารดา ที่ทรงเรียนอยู่คณะเดียวกัน โดยทรงมาเรียนก่อนหน้านี้ 1 ปีแล้ว สำหรับการเสด็จฯของเจ้าชายจิกมีในครั้งนี้ ตนและเพื่อนๆ มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ เจ้าชาย และทรงรับสั่งอย่างเดียวกับที่พระราชทานสุนทรพจน์แก่บัณฑิต โดยเจ้าชายจิกมีทรงเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมาก เสด็จฯเยี่ยมประชาชนอยู่เป็นประจำ จะทรงถามปัญหาและหาวิธีเพื่อแก้ไขโดยตลอด


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์