สอบปม“จ่าเพียร”ผบช.ภ.9-อดีตผบช.ศชต.ผิด

สรุปผลสอบย้าย“จ่าเพียร”ผบช.ภ.9-อดีตผบช.ศชต.ผิดวินัยไม่ร้ายแรง ชี้โทษสูงสุดแค่หักเงินเดือนชงผบ.ตร. 5พ.ย.


วันนี้ 4 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.)  เป็นประธานประชุมสรุปผลสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีตผกก.สภ.บังนังสตา  ร้องเรียนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโยกย้าย หลังจากแสดงความประสงค์ขอย้ายจากสังกัดศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.)ไปสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9(บช.ภ.9) คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ชุดของ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ที่ปรึกษา(สบ10)สรุปมาว่ามีความบกร่องที่การดำเนินการการแต่งตั้งของ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ขณะนั้นเป็น ผบช.ศชต. และ พล.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ภ.9

พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า วันนี้คณะกรรมการแต่ละคนจะลงความเห็นและสรุปผลในรูปคณะกรรมการ

ส่งให้ ผบ.ตร.พิจารณามีความเห็นอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ผลการสอบสวนจะมีโทษสูงสุดเพียงฐานผิดวินัยไม่ร้ายแรง สูงสุดตั้งแต่การตัดเงินเดือน ถัดมาคือภาคทัณฑ์ เบาสุดว่ากล่าวตัดเตือน แต่หากคณะกรรมการลงความเห็นว่าไม่มีความผิดก็ต้องยุติเรื่อง กรณีนี้หากภรรยาพล.ต.อ.สมเพียร เห็นผลสอบไม่เป็นธรรมก็สามารถอุทธรณ์ได้ เช่นเดียวกันหากผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ขออุทธรณ์ได้เช่นกัน

มีรายงานข่าวแจ้งว่าหลังประชุมคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง มีความเห็นว่ากรณีการแต่งตั้งพล.ต.อ.สมเพียร นั้น มีความบกพร่องจริง โดยทั้ง พล.ต.ท.วีรยุทธ และพล.ต.ท.พีระ ล้วนมีความผิด แต่เป็นผิดวินัยไม่ร้ายแรง แต่การกำหนดโทษนั้นให้เป็นดุลพินิจของ พล.ต.อ.วิเชียร ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะรายผลอย่างเป็นทางการให้พล.ต.อ.วิเชียรในวันที่ 5 พ.ย.นี้  

ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงมีมติเห็นพ้องต้องกันว่า

กรณีพล.ต.ท.วีรยุทธ นั้นมีความผิดวินัยไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจให้เกิดผลดีแก่ราชการ ซึ่งผิดตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 78(1)(9) คณะกรรมการจึงเห็นพ้องให้ลงโทษให้ตัดเงินเดือนร้อยละ 5ไม่เกิน 3 เดือน


ทั้งนี้ให้เหตุผลว่า ผบช.ภ.9 มีความบกพร่องในการแต่งตั้งโยกย้ายพล.ต.อ.สมเพียร

โดยสามารถรับข้าราชการตำรวจรายอื่นจากหน่วยอื่นมายังบช.ภ.9ได้ แต่กลับไม่สามารถพล.ต.อ.สมเพียรที่มาจากหน่วยอื่นเช่นกันได้ โดยมองว่าการกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่ใช้ความพยายามเท่าที่ควรในการรับตัวพล.ต.อ.สมเพียร ซึ่งต้องพิจารณา และรับทราบอยู่แล้วว่าได้ตรากตรำปฏิบัติหน้าที่ใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงภัย

สำหรับพล.ต.ท.พีระ นั้น คณะกรรมการฯเห็นพ้องว่ามีความผิดวินัยไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติราชการด้วยความตั้งใจให้เกิดผลดีแก่ราชการ อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ  พ.ศ.2547 มาตรา 78(9) แต่อย่างไรก็ตามคณะกรรมการตรวจสอบผลการปฏิบัติราชการของพล.ต.ท.พีระ ซึ่งเป็นผู้ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ประกอบกับปฏิบัติหน้าที่ตรากตรำเสียงภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 89 วรรค 3 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ ให้ลงโทษเพียงว่ากล่าวตักเตือน 1ครั้ง

ทั้งนี้คณะกรรมการให้ความเห็นว่ากรณีย้าย พล.ต.อ.สมเพียร ครั้งนี้  พล.ต.ท.พีระ ไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะให้ พล.ต.อ.สมเพียรได้รับการโยกย้ายตามที่ร้องขอ ขณะเดียวกันเมื่อประสานงานให้ย้ายไป บช.ภ.9 ไม่ได้
กลับไม่ได้เรียกตัว พล.ต.อ.สมเพียร  มาสอบถามว่ามีความประสงค์จะโยกย้ายไปที่ใด ทั้งที่สามารถเยียวยาให้ย้ายมาในตำแหน่งอื่นในสังกัดที่เสี่ยงภัยน้อยกว่าได้ แต่กลับไม่ดำเนินการ

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์