เตือนภัยพิบัติ 7 จว.ภาคใต้ อันตราย


ประกาศเตือนภัย 7 จังหวัดชายแดนใต้ ศูนย์เตือนภัยแจ้งชาวบ้านเตรียมรับมือวิกฤตน้ำท่วม หลังพายุจ่อตัวถล่มคืนนี้


เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 1 พ.ย. นายต่อศักดิ์ วานิชขจร รักษาการอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้อ่านประกาศเตือนภัยผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ระบุว่า เนื่องด้วยสภาวะอากาศในอ่าวไทย ขณะนี้ พายุดีเปรสชันอยู่ในอ่าวไทยที่ละติจูด 6.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 103.5 องศาตะวันออก กำลังเคลื่อนตัวเข้าชายฝั่ง คาดว่า จะเข้าสู่ชายฝั่งภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี คืนนี้ถึงวันพรุ่งนี้เช้า ลักษณะดังกล่าว จะทำให้อ่าวไทยมีคลื่นลมแรง และมีฝนตกหนักหลายวัน พายุนี้ เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในเวลาเที่ยงคืนนี้

กรมอุตุนิยมวิทยา ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จึงขอประกาศให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ต้องเฝ้าระวังเรื่องของคลื่นพายุ ลมแรง ซึ่งจะมีผลกระทบตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป เรือต่าง ๆ งดออกจากฝั่ง ส่วนฝนที่ตกอยู่ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปถึงนราธิวาส อาจจะก่อให้เกิดแผ่นดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลับ เมื่อพายุได้เคลื่อนข้ามไปฝั่งอันดามันจังหวัดทางด้านตะวันตกจะมีคลื่นลมแรงมากขึ้น จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรถึงนราธิวาสได้ระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง ในช่วงวันที่ 1-3 พ.ย. โดยฟังข่าวจากทางราชการ โดยเฉพาะจังหวัด และอำเภอ ที่จะประกาศให้ทราบเป็นระยะ

เมื่อพายุข้ามสู่อันดามันแล้ว อาจจะทำให้เกิดพายุอีกตัวหนึ่งก่อตัวขึ้นในอ่าวไทย และจะมีพายุอีกตัวหนึ่งเข้ามาในวันที่ 5-6 พ.ย. ในช่วงนี้ ขอให้ติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด การเตรียมตัวของพี่น้องประชาชน ต้องเตรียมอาหาร สิ่งของจำเป็น ยาประจำตัวไว้ในส่วนที่ปลอดภัย และหยิบใช้ได้โดยฉับพลัน และศึกษาวิธีการอพยพ โดยเฉพาะพี่น้องที่อยู่ตามแนวชายฝั่งในคืนนี้ ขอเน้นย้ำว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจะประกาศให้ทราบเป็นระยะ


น้ำทะลักเข้าท่วมหลวงพ่อโต


พระครูพิศาลปัญญาทร เจ้าอาวาสวัดบ้านเลนสระกระจับ ต.บ้านโพ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ทางวัดได้ทำคันดินล้อมวัด แต่กระแสน้ำเชี่ยวกราดไหลแรง ทำให้คลื่นกระแทกคันดินจนน้ำไหลเข้าท่วมบริเวณวัดสูงกว่า 1 เมตร ส่งผลให้องค์หลวงพ่อโต ที่สร้างอยู่หน้าศาลาการเปรียญถูกน้ำท่วม สร้างความสะเทือนใจต่อชาวบ้านเป็นอย่างมาก


ชี้ต้องเฝ้าระวังอุบลฯ น้ำสูง


ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) ภายในตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสอบถามสถานการณ์อุทกภัยล่าสุดจาก นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการ ศชอ. โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก่อนไปเป็นประธานประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย

จากนั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ปริมาณน้ำในพื้นที่ภาคกลางเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เพราะน้ำทะเลจะหนุนสูงสุดอีกครั้งในวันที่ 8 พ.ย.นี้ ส่วนพื้นที่ภาคอีสานยังเน้นการบริหารจัดการลำน้ำชี และลำน้ำมูล โดยในวันที่ 2 พ.ย.นี้ น้ำจากลำน้ำมูลจะเคลื่อนจาก จ.สุรินทร์ เข้าสู่ จ.อุบลราชธานี ด้วยความเร็ว 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำใน จ.อุบลราชธานี เพิ่มขึ้นเป็น 112.7 เมตร จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังพื้นที่ 3 จุด คือ เทศบาลนครเมือง อ.เมือง และ อ.วารินทร์ชำราบ ซึ่งขณะนี้ ทางจังหวัดเริ่มอพยพประชาชนแล้ว ส่วนน้ำจากลำน้ำชีจะเคลื่อนเข้าสู่ จ.อุบลราชธานี ในช่วงวันที่ 6-8 พ.ย.นี้ จึงเป็นอีกช่วงที่ต้องเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม ในภาคใต้แม้จะมีฝนตกอย่างต่อเนื่องแต่คาดการณ์ว่า จะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำอีก

“รัฐบาลจะหาข้อสรุปเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนครัวเรือนละ 5,000 บาท ให้ได้ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งในเบื้องต้น มีผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 6,000 ครัวเรือน ถ้าได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว จะเร่งโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และธนาคารออมสิน เพื่อให้เม็ดเงินถึงมือประชาชนโดยเร็วต่อไป”


ยอมรับระบายน้ำได้ช้า เพราะน้ำทะเลหนุน


นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน แถลงถึง มาตรการช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังคงมีระดับสูง และอยู่ระดับทรงตัวไม่ขึ้นลงอีกหนึ่งสัปดาห์ ว่า อธิพลน้ำทะเลหนุนสูงสุดในรอบปีในช่วงปลายตุลาคมต่อเนื่องถึงต้นเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะในช่วง วันที่ 9 พ.ย. จะมีระดับน้ำทะเลหนุนสุดเกือบ 2.20 เมตร ที่ส่งผลทำให้การระบายน้ำเหนือออกสู่อ่าวไทยทำได้ไม่มาก ซึ่งในช่วงนี้ ก่อนจะถึงน้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้งในช่วงวันที่ 1-3 พ.ย. น้ำทะเลเปลี่ยนพฤติกรรมมีการขึ้นลงวันละรอบเดียว ซึ่งระยะเวลาการเดินทางของน้ำจากบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา กว่าเดินทางออกสู่ทะเลต้องใช้เวลาสองวัน จึงส่งผลให้ระดับปริมาณน้ำในจังหวัดสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายังเอ่อท่วมพื้นที่ในระดับวิกฤติต่อไปอีกหนึ่ง
 
นายวีระ กล่าวว่าตนยืนยันว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จะเข้าสู่ปกติในวันที่ 5-6 พ.ย. ร่วมทั้งพื้นที่ลุ่มบริเวณแม่น้ำป่าสัก อ.เสาไห้ จ.สระบุรี อ.ท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะจะลดปริมาณการปล่อยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากวันละ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ให้เหลือการระบายออกเพียงวันละ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำเหนือจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงสุดของรอบปี

รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ส่วนจังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี สถานการณ์น้ำท่วมยังคงอืดมาก เพราะมีปริมาณน้ำค้างในทุ่งเจ้าพระยาได้ไหลออกมาสมทบกับน้ำเหนือ และลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงสุด ที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า เดือดสิบเอ็ดน้ำนอง ทำให้การระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยได้เพียงวันละ 4 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้น กรมชลฯ ได้เปิดประตูมโนรมย์ในวันนี้ เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำช่วยเจ้าพระยาตอนล่าง โดยจะแบ่งน้ำเหนือออกไป 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะเฝ้าติดตามถานการณ์น้ำ เพื่อขยับการแบ่งยอดน้ำให้ได้มากที่สุด ซึ่งวันที่ 2 พ.ย.จะระบายออกเพิ่มขึ้นเป็น 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งผลักดันออกทางฝั่งทุ่งเจ้าพระยาตะวันออก และต้องไม่ให้กระทบพื้นที่กรุงเทพฯ ด้านหนองจอก มีนบุรี ด้วย

อบจ.สุพรรณฯ มอบของช่วยน้ำท่วม

สถานการณ์น้ำท่วมทุกพื้นที่ในเขต จ.สุพรรณบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ นายบุญชู จันทร์สุวรรณ พร้อมด้วย สอบจ.สุพรรณบุรี เขต อ.สองพี่น้อง ได้นำถุงยังชีพ 1,500 ถุง อันประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง ปลากระป๋อง สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก มาตระเวนแจกจ่ายให้กับชาวบ้านใน  ต.บางพลับ ต.ต้นตาล ต.เนินพระปรางค์ ต.บ้านกุ่ม ต.บ้านช้าง รวม 5 แห่ง


จับมือนายกกาชาดสุพรรณฯ แจกของ


นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผวจ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วย นางมนต์รัก ภูรีศรีศักดิ์ นายกเหล่ากาชาด จ.สุพรรณบุรี ได้นำถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค ออกแจกให้แก่ชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 7 ตำบล ในเขตอำเภอสองพี่น้อง คือ ต.สองพี่น้อง ต.หัวโพธิ์ ต.บางพลับ ต.ต้นตาล ต.บางเลน ต.บางตะเคียน และ ต.บ้านกุ่ม และได้นำทีมหน่วยงาน สาธารณสุข แจกยารักษาโรค และตรวจสุขภาพให้บริการประชาชนของอำเภอสองพี่น้อง

นภ.สองพี่น้อง ห่วงระดับน้ำยังวิกฤต

นายทวีชัย พลายชุมพล นายอำเภอสองพี่น้องเปิดเผย ว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ อ.สองพี่น้อง ซึ่งพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มแอ่งกระทะ ขนานไปกับแม่น้ำท่าจีน และคลองสองพี่น้อง จึงทำให้ประสบปัญหาน้ำท่วมขัง จุดที่คาดว่า จะมีปัญหาขั้นวิกฤต มี 7 ตำบล หากมีปริมาณมากกว่านี้ หรือมีฝนตกหนักลงมาอีก ประกอบด้วย ต.สองพี่น้อง ต.หัวโพธิ์ ต.บางพลับ ต.ต้นตาล ต.บางเลน ต.บางตะเคียน และ ต.บ้านกุ่ม เบื้องต้น ได้ให้นำรถแบ็คโฮตักดินเสริมคันดินป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่ ให้สูงขึ้นกว่าเดิม อีก 50 ซม. พร้อมกับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จัดตั้งเวรยาม คอยดูแลคันดิน หากมีการรั่วไหลตรงจุดใด หรือมีท่ามีว่าจะรับน้ำไม่อยู่ ให้รายงานให้ทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ก่อนที่คันดินจะพังทลาย น้ำท่วมขัง ความเสียหายจะตามมาอย่างมากมาย


3พี่น้องลูก“ทักษิณ”ซับน้ำตาชาวกรุงเก่า

 
ที่โรงเรียนวัดจุฬามณี อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา นายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.พินทองทา ชินวัตร และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สามพี่น้องลูกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำถุงยังชีพมาบริจาคให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ ต.บ้านกุ่ม ต.บางหัก อ.บางบาล ต.บ้านโพธิ์ อ.เสนา และชุมชนปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา รวม 4,000 ชุด เพื่อบรรเทาช่วยเหลือชาวบ้าน และหลังน้ำลดจะมาเยียวยาอีกครั้ง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ ๆ

นอกจากนี้ กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นางมยุรี เศวตาสัย แกนนำคนเสื้อแดงอยุธยา 49 นำเรือ ที่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ติดอยู่ที่เรือมาแจกกับชาวบ้านที่เดือดร้อน จำนวน 50 ลำ


นักเรียนเร่งกรอกระสอบทรายทำทางเดิน


ที่โรงเรียนวัดโบสถ์ หมู่ 1 ต.ไชยภูมิ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ที่ถูกน้ำท่วมสูง 30 ซม. ปรากฏว่า นักเรียนที่เดินทางมาโรงเรียนต่างพากันเร่งกรอกกระสอบทราย ทำเป็นพื้นให้เด็กเล็กเดินขึ้นอาคารเรียน

ทั้งนี้ นายบุญเตือน ศัพทเสรี ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า ทางโรงเรียนได้เปิดเทอมสอนเด็กนักเรียนเป็นวันแรก แต่มีน้ำท่วมขังที่มา 1 สัปดาห์แล้ว ตนก็มาดูอยู่ตลอด ที่โรงเรียนไม่ปิด หรือหยุด เพราะได้พิจารณาแล้วพบว่า เด็กนักเรียนที่มาเรียนโรงเรียนนี้ จะอยู่ใน หมู่ 1 ตำบลไชยภูมิ ทั้งหมด ซึ่งบ้านของเด็กนักเรียนได้ถูกน้ำท่วมสูง ถ้าปล่อยให้อยู่กับบ้านอาจเกิดอันตรายมากกว่ามาโรงเรียน จึงได้เปิดทำการสอนปกติ ส่วนน้ำท่วมก็ได้ให้เด็กนักเรียนชั้น ป.5-6 ช่วยกันกรอกกระสอบทราย เพื่อทำทางเดินให้เด็กเล็กไม่ให้ย้ำน้ำ อาจเกิดโรคที่มากับน้ำได้ ส่วนเด็กนักเรียนที่โรงเรียนมีนักเรียนอยู่ 69 คน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ป.6

กระบี่จัดเวรยามเจ้าหน้าที่รับมือน้ำท่วม

นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ตามที่ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนหลายพื้นที่ในจังหวัดทางภาคใต้ ให้ระวังฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และคลื่นลมแรง ในช่วง 1-3 วันนี้ ในส่วนของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด ทั้งทางบก และทางทะเล โดยได้จัดเวรยามเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุประจำสำนักงานฯ ตลอด 24 ชั่วโมง สายด่วน 1784 นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ และสำรองเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมให้ความช่วยเหลือหากเกิดภัย

นอกจากนี้ทาง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ ได้ทำการติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝน จำนวน 12 เครื่อง 12 จุด เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ได้แก่ 1.สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ 2.อบต.ทับปริก อ.เมือง 3.อบต.ทรายขาว อ.คลองท่อม 4.ที่ว่าการอำเภอเขาพนม 5.อบต.โคกหาร อ.เขาพนม 6.ที่ว่าการอำเภอลำทับ 7.อบต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก 8.อบต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก 9.อบต.สินปุน อ.เขาพนม 10.อบต.อ่าวลึก อ.อ่าวลึก 11.อบต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก และ 12.โรงเรียนบ้านอ่าวนาง อ.เมือง

เกาะสมุยเตือนเรือเล็กห้ามออกจากฝั่ง


นายประเวศน์ สุภาชัย หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 4 สาขาเกาะสมุย กรมเจ้าท่าได้ออกประกาศขอความร่วมมือผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว เรือโดยสาร และเรือประมงทุกชนิดให้งดออกจากฝั่ง เนื่องจากทะเลบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นลมแรง ทั้งนี้ จากคำประกาศเตือนภัยของกรมอุตุนิยมวิทยาถึงภัยจากพายุดีเปรสชันในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ที่มีศูนย์กลางห่างประมาณ 360 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดสงขลา มีความเร็วลมสูงสุดประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้ กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลักษณะเช่นนี้ จะทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ต่อเนื่องไปอีก 3-4 วัน ในเรื่องนี้ สำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 4 สาขาเกาะสมุย จะเข้มงวดกับเรือทุกชนิด ถ้ายังมีการฝ่าฟืนคำประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมเจ้าท่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นทางกรมเจ้าท่าจะดำเนินคดีตามกฏหมายสูงสุด

จากประกาศดังกล่าว นายศักดิ์ชัย จ.ผลิต นายอำเภอเกาะสมุย จึงได้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นตำบลแม่น้ำ ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ระวังคลื่นลมแรงที่จะพัดเข้าหาฝั่ง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้กับทะเล จึงขอให้เคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่มีค่าห่างจากชายหาด ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ในเรื่องนี้ อำเภอเกาะสมุยจะได้ทำการติดตามพายุดีเปรสชั่นลูกนี้ อย่างใกล้ชิดต่อไป ทั้งนี้ สภาพทั่วไปรอบเกาะสมุยมีท้องฟ้ามืดครึ้ม คลื่นลมในทะเลมีความรุนแรง
          
ฝนตกหนักน้ำเริ่มเอ่อท่วมยะลา

ที่ จ.ยะลา ได้มีฝนตกลงมาในพื้นที่เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปัตตานีเริ่มสูงขึ้น บางจุดเริ่มไหลทะลักเข้าท่วมในสวนยางพาราบ้างแล้ว โดยทางจังหวัดยะลาได้เปิดศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มจังหวัดยะลา เพื่อเตรียมความพร้อมในส่วนของเครื่องมือ และยานพาหนะในการช่วยเหลือประชาชนได้ทันที

นายเวโรจน์ สายทองแท้ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา เปิดเผย สำหรับความพร้อมของศูนย์ฯ ในขณะนี้ มีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเฝ้าระวัง และเตรียมการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนหากเกิดน้ำท่วม โดย จ.ยะลา มีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังดินถล่มคือ อ.เบตง อ.ธารโต และ อ.บันนังสตา ซึ่งล่าสุด ยังคงมีปริมาณฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมคือ อ.เมือง อ.ยะหา อ.รามัน

สำหรับพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยในปีนี้ ใน 8 อำเภอ ของ จ.ยะลา ทางศูนย์ฯ จะต้องเฝ้าระวังทั้งสิ้น 48 ตำบล 247 หมู่บ้าน โดยเขต อ.เมืองยะลา มีพื้นที่เฝ้าระวังมากที่สุดรวม 12 ตำบล แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี และในเขื่อนบางลางก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่ถึงระดับวิกฤต


ยะลาน้ำท่วมสั่งปิดโรงเรียน


นายไพศาล อาแซ ผู้อำนวยการโรงเรียนดาราวิทย์ ต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา เปิดเผยว่า น้ำได้ท่วมเส้นทางเข้า-ออกโรงเรียน ตนได้สั่งการให้ครูทั้งสายสามัญ และศาสนา จำนวน 38 คน หยุดการสอนเป็นการชั่วคราว และครูผู้ดูแลเด็ก อนุญาตให้ผู้ปกครองมารับเด็ก จำนวน 300 คน เดินทางกลับบ้านไปเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเกรงเกิดน้ำท่วมหนัก มีปัญหาในการเดินทางเข้า-ออกระหว่างโรงเรียนกับตัวเมือง อาจเกิดปัญหาในเรื่องของการขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภคที่ต้องใช้ประจำวัน พร้อมกับประกาศหยุดการเรียนเป็นการชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด

ถนนถูกตัดขาดชาวบ้านนราฯ จมอยู่ใต้น้ำ

ที่ จ.นราธิวาส ฝนตกติดต่อกันเป็นเวลา 3 วันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลัก 3 สาย คือ แม่น้ำสุไหงโก-ลก บางนรา และแม่น้ำสายบุรี เริ่มมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น และบางจุดเริ่มล้นตลิ่งเป็นช่วง ๆ โดยเฉพาะแม่น้ำสายบุรีที่เอ่อล้นตลิ่งได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฏร ที่ปลูกสร้างอยู่ในที่ราบลุ่มริมตลิ่งบ้านสันติสุข หมู่ 2 ต.บาตง อ.รือเสาะ ซึ่งมีราษฎรอาศัยอยู่จำนวนกว่า 100 ครัวเรือน ต่างได้รับความเดือดร้อนแล้ว เนื่องจากมีระดับน้ำท่วมขังบ้านเรือนของราษฏร และพื้นที่การเกษตรมีปริมาณสูง โดยเฉลี่ย 70-80 ซ.ม. จนยานพาหนะขนาดใหญ่ และขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้

นอกจากนี้ ผลพวงของภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ยังส่งผลกระทบต่อย่านธุรกิจการค้าของแต่ละพื้นที่ชุมชนในครั้งนี้ด้วยจำนวนหลายแห่ง โดยเฉพาะชุมชนบ้านมะนังกาหยี หมู่ 1 ต.มะนังตายอ อ.เมือง เจ้าของผู้ประกอบการต่างต้องพากันขนย้ายข้าวของหนีระดับน้ำที่ท่วมขังบริเวณถนนหน้าร้านค้า ซึ่งมีระดับสูงโดยเฉลี่ย 40-50 ซม. เนื่องจากเวลายานพาหนะขนาดใหญ่แล่นผ่านน้ำจะไหลทะลักเข้าท่วมร้านค้า จนข้าวของได้รับความเสียหาย และยังขยายผลทำให้ถนนสายหลักหลายสายถูกภาวะน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะถนนสายเกียร์-สุคิริน ช่วงบริเวณ หมู่ 2 ต.เกียร์ จะมีภาวะน้ำท่วมขังมีปริมาณสูงโดยเฉลี่ย 100-120 ซ.ม. รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ 5 หมู่บ้าน จำนวนกว่า 1,250 ครัวเรือน ต่างได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถที่เดินทางไปสู่โลกภายนอกได้


เร่งขนย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล


ที่ จ.สงขลา หลายพื้นที่อยู่ในภาวะวิกฤต หลังน้ำเอ่อเข้าท่วม โดยเฉพาะที่ อ.นาทวี โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ จำเป็นต้องเร่งขนย้ายผู้ป่วยทั้งหมดที่มีอยู่ 74 ราย ออกจากตึกผู้ป่วย เนื่องจากถูกน้ำไหลเข้าท่วมสูง 50 ซม. ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยเฉพาะผู้ป่วยหนัก จำนวน 6 ราย ได้ถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลหาดใหญ่อย่างเร่งด่วน ส่วนที่เหลือกระจายไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งการลำเลียงผู้ป่วยค่อนข้างลำบาก เนื่องจากต้องใช้รถของทหารเพียงอย่างเดียว ที่สามารถเข้าไปภายโรงพยาบาลบาลได้ เนื่องจากพื้นที่ถนนหน้าโรงพยาบาล และบริเวณโดยรอบมีน้ำท่วมสูง และเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ พื้นที่โดยรอบของอำเภอถูกน้ำท่วมทั้งเมือง ทั้งที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ และตลาด โดยเฉพาะเส้นทางนาทวีด่านประกอบ และนาทวีสะบ้าย้อยนั้น เริ่มถูกตักขาด รถเล็กไม่สามารถผ่านได้แล้ว

สตูลน้ำป่าไหลท่วมบ้านเรือนราษฎร

ที่ จ.สตูล เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำในลำคลองเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ อ.ควนโดน จ.สตูล จำนวน 2 ตำบล คือ ต.ย่านซื่อ จำนวน 7 หมู่บ้าน ต.ควนโดน 5 หมู่บ้าน ราษฏรได้รับความเดือดร้อน 1,150 ครัวเรือน ถนนประมาณ 50 สายถูกตัดขาด โดยเฉพาะในพื้นที่ หมู่ 6 บ้านควนดินทรุด  และหมู่ 7 บ้านปันจอร์ ต.ย่านซื่อ ในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านสะพานเคียน ต.ควนโดน น้ำท่วมสูงประมาณ 1.50 เมตร

ทางด้าน นพค.45 โดย พ.อ.ปรีชา สาลีผล ผบ.นพค.45 ได้นำเรือท้องแบนไปช่วยเหลือขนย้าย และอพยพชาวบ้านขึ้นอยู่ที่สูง โดยมี นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายอำเภอควนโดน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สตูล ลงเรือท้องแบน บริเวณ ม.2 บ้านสะพานเคียน ไปสำรวจความเสียหาย และมอบน้ำดื่มแก่ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ด้วยตนเอง
 
         นอกจากนี้ น้ำได้ท่วมในพื้นที่ อ.ท่าแพ ใน 3 ตำบล คือ ต.ท่าเรือ ต.แป-ระ ต.ท่าเรือ ราษฏรได้รับความเดือดร้น 1,500 ครัวเรือน และน้ำได้ท่วมพื้นที่ หมู่ 5 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล และจากการที่น้ำท่วมดังกล่าว ทางโรงเรียนได้สั่งปิดโรงเรียนในพื้นที่ อ.เมือง อ.ควนโดน ที่ถูกน้ำท่วม และ อ.ละงู อ.ท่าแพ ที่บ้านเด็กถูกน้ำท่วมไม่สามารถไปโรงเรียนได้รวม 13 โรงแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์