รวบฝรั่งนักธุรกิจชาวฮอลแลนด์ถือวีซ่าไทยปลอม

ตม.สระแก้ว รวบฝรั่งนักธุรกิจชาวฮอลแลนด์ถือวีซ่าไทยปลอม จะข้ามไปฝั่งเขมร สอบพบถูกบริษัททัวร์หลอก

วันนี้ (28 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.มานัด  ศรีวงษา ผกก.ตม.สระแก้ว ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เบญจพล  รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว นำชุดสืบสวน ตม.สระแก้ว ทำการตรวจสอบพาสปอร์ตและวีซ่านักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างเข้มงวด หลังสืบทราบว่าขณะนี้มีขบวนการทำพาสปอร์ตและวีซ่าปลอมให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งได้ประสานขอกำลัง จนท.ทพ.กองร้อย.1206 ให้ทำการตรวจสอบตามแนวชายแดนไทย- กัมพูชาด้านหลังตลาดโรงเกลือเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชาของนักเล้นพนัน
       
ต่อมา จนท.ได้ตรวจพบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต้องสงสัยเดินทางมายื่นหนังสือเดินทางเพื่อขอออกไปประเทศกัมพูชา ที่จุดตรวจขาออก ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก โดยเป็นหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ประเทศเนเธอแลนด์ และมีวีซ่าไทยประเภทนักธุรกิจ ระบุชื่อนายดิส เบอร์ ตุ๊ด อายุ 45 ปี ชาวเนเธอแลนด์ แต่เมื่อ จนท.ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าวีซ่าประเทศไทยที่นายดิส เบอร์ ตุ๊ด ถืออยู่เป็นวีซ่าปลอม ซึ่งเป็นวีซ่าปลอมที่ออกโดยกงสุลใหญ่ไทย ประจำเมืองกัสโก  ประเทศอังกฤษ จึงควบคุมตัวนายดิส  เบอร์ ตุ๊ด มาสอบสวนที่ ด่าน ตม.อรัญประเทศ
          
จากการสอบสวนนายดิส  เบอร์ ตุ๊ด รับสารภาพว่าเป็นชาวฮอลแลนด์ เดินทางเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยได้วีซ่าประเภทธุรกิจ จากกงสุลใหญ่ไทย ประจำเมืองกัสโก ประเทศอังกฤษ หลังจากเข้ามาอยู่ในประเทศไทยจนกระทั่งวีซ่าจะหมดอายุ จึงติดต่อบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ย่านพระโขนง  กทม. ซึ่งบริษัททัวร์แห่งนี้ได้รับไปขอต่อวีซ่าให้ โดยไม่ต้องเดินทางไปด้วยตนเอง และคิดค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 บาท โดยไม่รู้ว่าเป็นวีซ่าปลอม
            
ด้าน พ.ต.ท.เบญจพล  รอดสวาสดิ์  รอง ผกก.ตม.สระแก้ว เผยว่าขณะนี้ได้มีขบวนการปลอมพาสปอร์ตและปลอมวีซ่า หลอกลวงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จึงขอเตือนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่าได้หลงเชื่อ การขอต่อวีซ่าต้องเดินทางไปทำด้วยตนเอง หากบริษัทใดอ้างว่าไม่ต้องไปด้วยตนเองโดยบริษัทรับไปดำเนินการให้ถูกว่าถูกหลอกแล้ว  สำหรับคดีนายดิส  เบอร์ ตุ๊ด ชาวฮอลแลนด์ รายนี้ ได้ให้ชุดสืบสวน ไปดำเนินการสอบสวนเพื่อทลายแหล่งปลอมวีซ่ารายนี้ต่อไปแล้ว