เปิดอลังการ พืชสวนโลก

งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ 2549


ซึ่งถือเป็นงานระดับชาติและเป็นหน้า เป็นตาของประเทศไทย ได้ฤกษ์ประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 1 พ.ย. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ทรงเป็นประธานเปิดงาน โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ตลอดจนคณะรัฐมนตรีและคณะทูตจากประเทศต่างๆร่วมเฝ้ารับเสด็จ ท่ามกลางพสกนิกรและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจมาร่วมชมงานและเฝ้ารับเสด็จนับหมื่นคน

โดยหลังจากคณะกรรมการจัดงานกล่าวถวายรายงานเสร็จสิ้นแล้ว


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงกดปุ่มเปิดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ จากนั้นได้ เสด็จทอดพระเนตรการแสดงโขน ชุด ชมราชพฤกษ์ สงบศึกโยธา ณ บริเวณลานหน้าหอคำหลวง จากนั้นเสด็จโดยรถกอล์ฟพระที่นั่งไปทอดพระเนตรส่วนแสดงสวนนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ทอดพระเนตรซุ้มเกษตรทฤษฎีใหม่และพื้นที่จัดแสดงสวนของประเทศต่างๆด้วยความสนพระทัยเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นได้เสด็จไปยังสวนถวายพระพร

เพื่อทรงลงพระนามาภิไธยบนแผ่นทองคำเป็นรูปใบโพธิ์ของต้นโพธิ์แห่งความจงรักภักดี โดยต้นโพธิ์ดังกล่าวทางคณะกรรมการจัดงานได้จัดตั้งอยู่ในบริเวณหอคำหลวง มีคูน้ำล้อมรอบ

เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมบริจาคเงินจำนวน 99 บาท

จะได้รับใบโพธิ์ทำจากทองเหลือง 1 ใบ เพื่อจารึกชื่อไว้ก่อนนำไปติดที่ต้นโพธิ์ ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. ถึงวันที่ 5 ธ.ค.นี้ จากนั้นคณะกรรมการจะนำใบโพธิ์ทั้งหมดไปประกอบพิธีหล่อเป็นพระพุทธรูปนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ได้เสด็จทอดพระเนตรจิตรกรรมฝาผนังพระราชประวัติ 6 ทศวรรษแห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


บริเวณภายในหอคำหลวง ซึ่งเป็นอาคารจัดแสดงส่วนกลางที่โดดเด่นที่สุดภายในงาน มีเนื้อที่ประมาณ 3,000 ตร.ม. เป็นลักษณะเรือนครึ่งตึกครึ่งไม้ สง่างามตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนา

ภายในตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้ง 3 ด้าน

ก่อนจะเสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการบริเวณชั้นล่างของหอคำหลวง จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ

สำหรับ งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ 2549


ตั้งอยู่ภายในบริเวณศูนย์วิจัยเกษตรหลวง ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ บนเนื้อที่ 470 ไร่ จัดเป็นงานรวมสุดยอดความมหัศจรรย์แห่งพรรณไม้ในพื้นที่เขตร้อนชื้นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก โดยมีพรรณไม้กว่า 2,200 ชนิด มากกว่า 2.5 ล้านต้น มาจัดแสดง

อีกทั้งยังเป็นการประกาศศักยภาพ

ด้านการผลิตพืชผลทางการเกษตรของไทย สู่เวทีตลาดการค้าโลก สนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กระตุ้นภาคเศรษฐกิจ สังคม และพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีด้านการเกษตร

ได้รับการรับรองการจัดงานระดับ เอ 1 จากสำนักงานมหกรรมโลก (BIE)

สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) สมาพันธ์ดอกไม้โลก (WFC) และสมาคมพืชสวนนานาชาติ (ISHS) เปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 49 จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 50 รวมระยะเวลา 3 เดือนเต็ม โดยมียอดซื้อบัตรเข้าชมงานกว่า 9 แสนใบแล้ว โดยทางคณะกรรมการจัดงานตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้เข้าชมงานถึง 2 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 18,411 ล้านบาท

ส่วนบรรยากาศในช่วงเช้าก่อนจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลา 09.00 น.


นายธีระ สูตะบุตร รมว. เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเจ้าภาพจัด งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ 2549 เป็นประธานในพิธีเปิดรอบปฐมฤกษ์ที่ลานหน้าประตูช้าง โดยมีเจ้านายฝ่ายเหนือจำนวน 23 คน นำโดยเจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่ และนายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผวจ.เชียงใหม่ มาร่วมเป็นเกียรติในพิธีดังกล่าวด้วย ท่ามกลางประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 3,000 คน


หลังจากนายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรฯ กล่าวเปิดงานแล้ว


เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยลูกโป่งหลากสีสันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า มีเครื่องบินใบพัดเดี่ยวของกองทัพอากาศ 1 ลำ บินโปรยดอกไม้ลงมาจากฟ้า จากนั้นประธานในพิธีพร้อมแขกรับเชิญร่วมกันเดินนำประชาชนผ่านเข้าสู่ประตูงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯโดยมีขบวนแห่พื้นเมือง เช่น

รำกลองสะบัดชัย
ขบวนช่างฟ้อน

และวงดุริยางค์ของ 4 โรงเรียน ร่วมสร้างสีสันและเสริม บรรยากาศให้ดูคึกคักมากขึ้น อย่างไรก็ตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

พิธีเปิดงานรอบปฐมฤกษ์ไม่อลังการอย่างที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ ทั้งพิธีการและการแสดงชุดต่างๆที่มีน้อยกว่าที่คาดคิด มีคนสนใจมาร่วมงานน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก สาเหตุหนึ่งเพราะเป็นวันธรรมดา ประชาชนส่วนใหญ่ต้องไปทำงาน และยังเป็นวันเปิดเทอมวันแรกด้วย ประกอบกับพื้นที่จัดงานค่อนข้างกว้าง ใหญ่ครอบคลุมเนื้อที่ 470 ไร่

ทำให้จำนวนผู้เข้าชมในวันแรกดูบางตาโหรงเหรง ขณะที่สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเองก็ให้ความสนใจไปร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ได้รับความสะดวกทางด้านข้อมูลและการเดินทางเข้าไปทำข่าวเท่าที่ควร

สำหรับจุดเด่นที่บรรดาผู้เข้าชมงานให้ความสนใจมากที่สุด


คือบริเวณหอคำหลวงและสวนนานาชาติที่มี ดอกไม้และต้นไม้แปลกตานานาพันธุ์ ซึ่งสวนที่มีคนสนใจเข้าชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมากที่สุดคือสวนฮอลแลนด์ ซึ่งมีจุดเด่นที่ดอกทิวลิปชูดอกงามตาเต็มสวน รองลงมาคือสวนจีน สวนญี่ปุ่น สวนภูฏาน และสวนเบลเยียม

ในส่วนของพื้นที่จัดแสดงของไทยซึ่งได้รับความนิยม

มีสวนองค์กรเฉลิมพระเกียรติฯ เรือนไทย 4 ภาค สวนถวายพระพร ซึ่งเป็นที่ตั้งต้นโพธิ์แห่งความจงรักภักดี อย่างไรก็ตาม

ปัญหาที่พบอีกส่วนหนึ่งคือ

พันธุ์พืชที่นำมาจัดแสดงส่วนหนึ่งเริ่มประสบปัญหากับสภาพอากาศร้อนในตอนกลางวัน เริ่มเหี่ยวเฉา บางต้นก็ตายไปมากพอสมควร ทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลอยู่ระหว่างแก้ไขและนำต้นใหม่มาประดับแทน

ด้านนายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรฯ เปิดเผยอย่างภาคภูมิใจว่า


รู้สึกภูมิใจและปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยสามารถจัดงานใหญ่ระดับ เอ 1 ในครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เป็นผลมาจากความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทั้งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ในวโรกาสที่ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี และทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550

ทางด้านเจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่ ตัวแทนเจ้านายฝ่ายเหนือ กล่าวว่า

ถือเป็นเกียรติที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานในครั้งนี้ และในฐานะเจ้าภาพ ชาวเชียงใหม่ ทุกคนต้องช่วยกันต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วยอัธยาศัยไมตรี ให้เป็นที่ประทับใจแก่ทุกฝ่าย

เพราะท้ายที่สุดแล้วสถานที่จัดงาน
ก็จะกลายเป็นสมบัติของชาติที่มอบให้ชาวเชียงใหม่ดูแลรักษา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว



แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ภาพประกอบบางส่วนจาก: ผู้จัดการออนไลน์




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์