บ้าเดือด แท๊กซี่ซิ่งชนรถถัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.00 น. วานนี้ (30 ก.ย.)


พ.ต.ต.เอกพล ทวิชวงศ์ไชยกุล พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.ดุสิต รับแจ้งมีรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังที่จอดประจำการรักษาความปลอดภัย บริเวณหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า แขวงและเขตดุสิต กทม. เป็นเหตุให้โชเฟอร์แท็กซี่ได้รับบาด เจ็บสาหัส ฟุบคาพวงมาลัยรถ จึงรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบ

รถแท็กซี่พังยับโชเฟอร์สลบ


จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณที่จอดรถถังของ ม.พัน. 4 รอ. หน้าสวนอัมพร พบรถแท็กซี่ โตโยต้า โคโรล่า สีม่วง หมายเลขทะเบียน ทน 435 กรุงเทพมหานคร ของบริษัทสหกรณ์แหลมทองแท็กซี่ จำกัด ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง พุ่งชนแผงเหล็กที่กั้นล้อมรถถังจำนวน 4 คัน จนล้มระเนน ระนาด หน้ารถแท็กซี่มุดเข้าไปอยู่ระหว่างล้อตีนตะขาบ ใต้ท้องรถถังเบา รุ่นเอ็ม 41 คันแรก ทะเบียน ตรากงจักร 71116 ที่จอดหันหน้าไปทางสะพานผ่านฟ้า จนฝากระโปรงหน้ารถแท็กซี่พังยับ กระจกร้าว กันชนหน้าพังเสียหาย เครื่องยนต์พัง ยางล้อหน้าซ้ายแตก และพวงมาลัยรถหักงอ คนขับหมดสติฟุบคาพวงมาลัยรถ ทราบชื่อนายนวมทอง ไพรวัลย์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/14 หมู่ 8 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี เจ้าหน้าที่ทหารสังกัด ร.31 พัน. 3 รอ.ลพบุรี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณดังกล่าว ช่วยกันนำส่ง รพ.วชิระ

รถถังแค่ถลอกเล็กน้อย


จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ทหารเคลื่อนย้ายรถถังเพื่อตรวจสอบรถแท็กซี่คันดังกล่าว พบว่ามีการพ่นข้อความด้วยสีสเปรย์สีดำรอบคันรถ โดยบริเวณกระโปรงหน้ารถพ่นข้อความจำนวนหนึ่ง แต่อ่านไม่ออก ส่วนกระโปรงท้ายพ่นคำว่า พลีชีพ ข้างรถด้านซ้ายพ่นคำว่า พวกทำ ด้านขวาพ่นคำว่า ทำลายประเทศ ตรวจสอบภายในรถแท็กซี่พบแว่นสายตา น้ำดื่มชาเขียว 1 ขวด และ กล่องยาชนิดหนึ่ง ระบุชื่อแปะก๊วยซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบต่อไป ส่วนรถถังที่โดนชนมีรอยถลอกเล็กน้อยบริเวณเกราะตัวรถใต้ป้อมปืน และสีรถแท็กซี่ติดเท่านั้น


ขับวนเวียนก่อนพุ่งชน


ทหารรักษาการณ์บริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ รถแท็กซี่คันดังกล่าวขับมาตามถนนราชดำเนิน นอกช่องทางคู่ขนาน มุ่งหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า จากนั้นขับวนเวียนอยู่บริเวณนั้นหลายรอบ เมื่อทหารเห็นผิดสังเกต เนื่องจากพ่นข้อความรอบคันรถจึงเอะใจ เข้าไปเรียกจะขอตรวจค้น แต่ปรากฏว่าคนขับรีบเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าใส่แผงเหล็กกั้นล้อมรถถังอย่างแรงจนกระเด็น ทหารต้องกระโดดหลบพัลวัน ความแรงส่งผลให้รถแท็กซี่พุ่งทะยานไปชนกับรถถังอย่างจังจนหมดฤทธิ์

เผยต้องการประท้วง คปค.


สำหรับอาการของนายนวมทอง ไพรวัลย์ โชเฟอร์ ผู้ก่อเหตุสุดระห่ำ แพทย์ตรวจร่างกายแล้วพบว่าบาดเจ็บซี่โครงซ้ายหัก คางแตก ปากแตก ตาซ้ายช้ำบวม อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่แพทย์ไม่อนุญาตให้สอบปากคำ ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่อาคารเพชรรัตน์ ชั้น 9 เตียง 7 ทราบว่า นายนวมทองบอกถึงสาเหตุที่ก่อเรื่องราวระทึกขวัญ ว่า ทำไปเพราะต้องการประท้วงคณะปฏิรูปฯ หรือ คปค.ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ส่วนข้อความที่พ่นสี สเปรย์รอบคันรถ เป็นฝีมือของตัวเอง


เมียแท็กซี่ตกใจไม่รู้เรื่องมาก่อน


ต่อมานางชูศรี ไพรวัลย์ อายุ 51 ปี ภรรยานายนวมทอง เดินทางไปเยี่ยมสามีพร้อมกับลูกสาว เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าสามีก่อเหตุขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังได้รับบาดเจ็บก็รู้สึกตกใจ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นสามีจะมีพฤติกรรมผิดปกติ หรือมีปัญหาอะไร อีกทั้งไม่เคยพูดคุยกันถึงเรื่องการเมืองมาก่อนด้วย เห็นแต่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการบ้านการเมืองมาตลอดเท่านั้น

เจ้าของอู่เผยเช่ากะ 24 ชั่วโมง


ด้านพนักงานสอบสวน ได้เชิญตัวนายสุรศักดิ์ ทองทวีชัยกิจ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/109 ซอยรามคำแหง 106 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. เจ้าของอู่รถแท็กซี่ซึ่งตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 71 ที่นายนวมทองเช่าขับ ไปสอบปากคำ ให้การว่า นายนวมทองไปติดต่อเช่ารถแท็กซี่ขับ ตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยเช่าขับแบบเหมาวัน นำรถไปอยู่กับตัวตลอด 24 ชั่วโมง และชำระค่าเช่ากะ 2 วันครั้ง เป็นเงิน 1,000 บาท ไม่ทราบว่าประกอบอาชีพอะไรมาก่อน รู้แต่เพียงว่ามีภรรยาและลูกแล้ว ส่วนพฤติกรรมทั่วไป จะเห็นนายนวมทอง ชอบอ่านหนังสือพิมพ์และซื้อหนังสือพิมพ์ไว้ติดตัวเป็นประจำ โดยส่วนตัวแล้ว เห็นว่าโชเฟอร์แท็กซี่รายนี้เป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องราวอะไรกับใคร และมีความรับผิดชอบต่อการชำระค่าเช่างวดรถสูง ไม่เคยขาดส่ง สำหรับรถแท็กซี่คันดังกล่าว ทางอู่ทำประกันภัยชั้น 3 ไว้กับบริษัทกมลประกันภัย จำกัด ส่วนสาเหตุที่เกิดเรื่องนี้ น่าเชื่อว่านายนวมทองน่าจะมีอาการเมาสุรา


ตำรวจระบุเจตนาขับชนชัด


พ.ต.ท.สมปอง สำราญใจ รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต กล่าวว่า ดูจากพฤติการณ์ของนายนวมทองแล้ว เห็นว่ามีเจตนาที่จะขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถัง ดังนั้น จึงมีความผิดในข้อหาเจตนาขับรถชนทำให้ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของนายนวมทองอีกครั้งว่ามีระดับเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่

ทหารรีบเขยิบขบวนรถถัง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุไม่คาดคิด โชเฟอร์ขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถัง ทหารได้เคลื่อนย้ายขบวนรถถัง 4 คัน ที่ตั้งประจำการหน้าสวนอัมพร ถอยร่นห่างจากถนนตรงจุดเดิมไปอีก 20 เมตร นอกจากนี้ ยังเพิ่มรั้วแผงเหล็กกั้นให้แน่นหนากว่าเดิมเป็น 2 ชั้น รวมทั้งจัดกำลังทหาร 3 นาย พร้อมอาวุธปืนครบมือ เฝ้ารักษาการณ์ประจำหน้ารถถังอย่างเข้มงวด ส่วนจุดเกิดเหตุที่มีคราบน้ำมันรั่วไหลนองพื้น เจ้าหน้าที่ได้นำทรายมาโรยกลบไว้ ในขณะที่รถแท็กซี่คันที่ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ลากไปเก็บไว้บริเวณลานจอดรถของสวนสัตว์ดุสิต ฝั่งตรงข้ามรัฐสภา ถนนอู่ทองใน ท่ามกลางผู้คนที่ทราบข่าว สนใจไปมุงดูวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ดังกล่าวต่างๆนานา นอกจากนี้ มีนายทหารยศ ร.อ.จาก ม.พัน 4 รอ.ไปถ่ายรูปรถแท็กซี่และหลักฐานในรถ เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆด้วย


ประกันภัยเผยไม่ชดใช้

ต่อมาตอนบ่าย วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายอุบัติเหตุจากบริษัทกมลประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันของรถแท็กซี่คู่กรณี จำนวน 2 คน ได้เดินทางมาถ่ายภาพจุดเกิดเหตุ พร้อมเก็บข้อมูลเบื้องต้น โดยมีทหารจาก ม.พัน. 4 รอ. อำนวยความสะดวกเปิดแผงเหล็กให้เข้าไปตรวจความเสียหายของรถถัง เจ้าหน้าที่ประกันรายหนึ่งเปิดเผยว่า เท่าที่ดูน่าจะเป็นความจงใจไม่ใช่อุบัติเหตุ เหตุลักษณะนี้ปกติ ไม่สามารถเคลม ประกันภัยได้ อย่างไรก็ตาม จะนำเสนอข้อมูลไปยังบริษัทต่อไปว่าจะสามารถชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวได้หรือไม่

แม่ค้ามาลัยเผยนาทีระทึก


ในขณะที่แม่ค้าขายพวงมาลัยดอกไม้บริเวณลานพระบรมรูปคนหนึ่ง ที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า มาขายดอกไม้ที่สี่แยกพระบรมรูปตั้งแต่ตี 5 พบรถแท็กซี่คันดังกล่าวขับวนเวียนไปมาอย่างผิดสังเกต คนขับซึ่งเป็นชายวัยกลางคนได้เปิดกระจกออกมาตะโกนด่าทอคณะปฏิรูปการปกครองฯด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทำให้ ทหารซึ่งอยู่บริเวณสี่แยกพยายามสกัดรถคันดังกล่าว แต่ไม่เป็นผล เพราะคนขับเร่งความเร็วหลบหนีไป จนกระทั่งเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ได้ยินเสียงดังสนั่น ตรงจุดที่จอดรถถัง เมื่อหันไปมองก็พบรถแท็กซี่คันดังกล่าว ชนติดกับรถถังที่จอดอยู่ในรั้วเหล็กและมีไฟลุกท่วมที่ห้องเครื่อง จากนั้นทหารที่รักษาการณ์ ได้วิ่งเข้าไปช่วยเหลือชายที่ติดอยู่ในรถแท็กซี่ออกมา พร้อมกับห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใกล้บริเวณเกิดเหตุและห้ามบันทึกภาพเด็ดขาด

หมอแจงซี่โครงหักข้างละ 3 ซี่


ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.สมปอง สำราญใจ รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต พร้อมพนักงานสอบสวนจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปสอบปากคำนายนวมทองที่ห้องศัลยกรรมชั้น 9 รพ.วชิระ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วเดินทางกลับไป โดยกล่าวสั้นๆว่าไม่สามารถ เปิดเผยถึงผลการสอบสวนได้ แต่ระบุว่าผู้ต้องหาให้การรู้เรื่องดี จึงบันทึกปากคำไว้ ส่วนอาการของโชเฟอร์ใจถึงรายนี้ พญ.ปราณี จงบัญญัติเจริญ แพทย์ระดับ 8 เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า จากการเอกซเรย์ตรวจร่างกายนายนวมทอง พบว่าซี่โครงข้างซ้ายและขวาหักด้านละ 3 ซี่ คางมีบาดแผลแตก รอบตาขวาแตกบวม ในเบื้องต้นที่รับตัวคนไข้ไว้ ไม่พบกลิ่นแอลกอฮอล์ ถามตอบรู้เรื่องดีทุกอย่าง แต่ขณะนี้ได้ให้ยาแล้วให้นอนพักผ่อน เพื่อรอดูอาการต่อไป


ข่าวบุกสัมภาษณ์ข้างเตียง


ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวหญิงสถานีวิทยุแห่งหนึ่งพร้อมนายชินวัฒน์ หาบุญภาส อายุ 53 ปี นายกสมาคมผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ ได้เข้าเยี่ยมนายนวมทองที่ห้องผู้ป่วย นายนวมทองได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า กระทำไปเพื่อความถูกต้อง อยู่ดีๆทหารจะนำรถถังมาวิ่งไม่ได้ การที่ประชาชนนำดอกไม้ไปมอบให้เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระและรู้สึกไม่พอใจต่อการกระทำแบบนี้ ก่อนจะลงมือขับรถแท็กซี่ชน ได้เตรียมการอยู่ 2-3 วัน จนกระทั่งตี 5 เมื่อเช้านี้ ได้ลงมือพ่นสีสเปรย์ที่รถ จากนั้นขับไปตั้งหลักที่กองทัพบก โดยไม่ได้วิ่งรับผู้โดยสารคนใด ตอนแรกตั้งใจจะชนทหาร แต่คิดว่าทหารเหล่านั้นเป็นลูกน้องไม่เกี่ยวข้องด้วย จึงตัดสินใจขับชนรถถังดีกว่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สอบถามว่ามีใครจ้างวานหรือไม่ แต่นายนวมทองยืนยันว่าไม่มีใครจ้างมาทั้งนั้น เพราะมาด้วยตัวเอง


เปิดใจทำเพื่อความถูกต้อง


โชเฟอร์แท็กซี่ใจเด็ดเปิดเผยผ่านผู้สื่อข่าวต่อว่า ไม่ได้ชื่นชมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณแต่ประการใด ขอยืนยันว่าทำไปเพื่อประชาชนและความถูกต้อง ทนไม่ได้ที่ให้ ทหารย่ำยีเช่นนี้ ความจริงปฏิวัติไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว เพราะจะทำให้ประเทศชาติล้าหลังลงคลอง การกระทำครั้งนี้ไม่ได้เรียกร้องเงินทอง เพราะไม่ได้เดือดร้อน ก่อนหน้านี้เคยเป็นพนักงานการไฟฟ้าบางกรวย และออกมาขับแท็กซี่เล่นๆ ลูกเต้าก็โตแล้วมีงานทำ ทางบ้านก็ขายของ และขอยืนยันว่าลูกเมียไม่รู้เรื่องด้วย เคยเล่าให้เพื่อนแท็กซี่ฟังว่าจะขับรถชนรถถังแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ส่วนอาการตอนนี้พูดแล้วเจ็บหน้าอก และอยากฝากบอกลูกว่าให้ลูกจงภูมิใจเถิดว่าเป็นลูกของวีรบุรุษประชาธิปไตย

เอเอฟพีประโคมข่าวทันควัน


ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีได้รายงานข่าวนี้ทันควัน ระบุว่า คนขับรถแท็กซี่คนหนึ่งได้ขับรถแท็กซี่พ่นข้อความด้วยสีสเปรย์ว่า ทำลายประเทศ และคำว่า พลีชีพ พุ่งชนรถถังคันหนึ่งที่จอดประจำการอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นเหตุให้คนขับรถซี่โครงหักและได้รับบาดเจ็บตามใบหน้า ที่คาง และตา ต่อมาคนขับรถแท็กซี่รายนี้เปิดเผยถึงสาเหตุว่าต้องการประท้วงคณะปฏิรูปการปกครองฯ พร้อมกับยอมรับด้วยว่าเป็นผู้พ่นสีสเปรย์ข้อความข้างรถด้วยตัวเอง


คปค.แถลงไม่มีเหตุผลต่อต้าน


ด้าน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. แถลงถึงเหตุการณ์โชเฟอร์แท็กซี่ขับรถพุ่งชนรถถังว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นอุบัติเหตุ หรือมีวัตถุประสงค์อย่างอื่นแอบแฝง ส่วนคนขับรถเป็นกลุ่มเดียวกับที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี มาก่อกวนหรือไม่นั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะคนขับรถแท็กซี่คนดังกล่าวอายุตั้ง 60 ปีแล้ว ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวไม่มีเงื่อนไขพอเพียงที่จะมาต่อต้านการทำงานของ คปค. เพราะการยึดอำนาจของ คปค.ครั้งนี้ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง จึงไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่คนขับรถแท็กซี่จะมาเคียดแค้น คปค. อย่างไร ก็ตาม ยอมรับว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มเคลื่อนไหวและปล่อยข่าวเพื่อต่อต้านการทำงานของ คปค. ทางกองทัพได้สั่งการให้กำลังพลในพื้นที่ที่พบมีกลุ่มเคลื่อนไหว เข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว


ยืนยันถอนทหารแน่ 4 ต.ค. นี้


รองโฆษก คปค. กล่าวว่า สำหรับการถอนกำลังพล กลับเข้าหน่วยต้นสังกัดนั้น คปค.จะมีการลดระดับการใช้กำลังพล และจะมีการเคลื่อนย้ายกลับหน่วยบางส่วนในวันที่ 4 ต.ค. นี้ ขณะนี้กำลังพลมีการหมุนเวียนตรวจสอบอาวุธทั้งหมดที่ออกมาปฏิบัติภารกิจเพื่อให้ พร้อมใช้งานเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการลดกำลังพลที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม. ลงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ โดยพิจารณาจากพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว รวมทั้งพื้นที่รอบนอก กทม. เพื่อให้หน่วยที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดกลับเข้าหน่วยประจำของตัวเอง คาดว่าในวันที่ 4 ต.ค. นี้ ซึ่งครบการปฏิบัติงานครบ 2 สัปดาห์ กำลังจะสามารถถอนกลับเข้าที่ตั้งปกติได้ทั้งหมด


คปค.ผวากลุ่มแท็กซี่เอื้ออาทร


ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะปฏิรูปฯ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นว่า ที่ประชุมได้หยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นมาหารือกัน โดยพิจารณาถึงกรณีหากมีกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งได้รับความช่วยเหลือในโครงการแท็กซี่เอื้ออาทรรวมตัวกันและนำรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังเป็นจำนวนมาก อันจะนำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของประชาชนในชาติมากยิ่งขึ้น เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หน่วยข่าวกรองทหารได้วิเคราะห์ถึงการก่อวินาศกรรมด้วยรถแท็กซี่เอื้ออาทรพุ่งชนรถถัง หากบรรจุสารเคมีหรือสารตั้งต้น (ปุ๋ยยูเรีย) ที่จะสามารถทำลายรถถังได้ ดังนั้นจึงสั่งกำชับให้หน่วยทหารเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังเวลา 24.00 น. เป็นต้นไป


ทรท.โยนผู้รับผิดชอบสมานฉันท์


ทางด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีรถแท็กซี่ขับชนรถถังบริเวณลาน พระบรมรูปทรงม้าว่า ก่อนอื่นต้องยืนยันก่อนว่าพรรคจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของ คปค. แต่การกระทำดังกล่าว เป็นเรื่องส่วนบุคคล ถือเป็นเรื่องของ คปค.ที่ต้องทำความเข้าใจกับเหตุการณ์นี้ เพราะ คปค.มีที่ปรึกษา มากมายที่เพิ่งแต่งตั้งไป ซึ่งมีส่วนที่รับผิดชอบในเรื่องความสมานฉันท์ ก็น่าที่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา ถือเป็นภารกิจของที่ปรึกษาชุดนี้ ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา จะแก้ไขอย่างไร เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ที่สะท้อนถึงความแตกแยกหรือความไม่สมานฉันท์ ก็ล้วนเป็นหน้าที่ของคณะที่ปรึกษาชุดนี้ต้องนำขึ้นมาพิจารณา

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์