หวั่นปิดการค้าชายแดนทำขนของเถื่อนเพิ่ม

“สันติ” หวั่นการปิดการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา จะทำให้เกิดการลักลอบขนสินค้าเถื่อนเพิ่ม วอนรัฐ2ประเทศเร่งเจรจาหาข้อยุติ

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.นายสันติ วิลาสศักดานนท์  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงปัญหาความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า จากการสอบถามสมาชิกที่ทำธุรกิจในกัมพูชา เช่น ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสิ่งทอ ทุกอย่างยังเป็นปกติ

แต่นักธุรกิจก็เป็นห่วง เกรงจะมีสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการปิดการค้าชายแดน เพราะจะมีผลกระทบต่อทั้ง 2 ประเทศ เนื่องจากการค้าชายแดนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของการค้าไทย-กัมพูชา โดยปี 2551


มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชาสูงถึง 70,000 ล้านบาท แต่ 8 เดือนแรกของปีนี้ การค้าชายแดนซบเซาลงประมาณร้อยละ 20 เหลือ 36,700 ล้านบาท สาเหตุเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่คาดว่า ทั้งปีจะมีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท และหากมีการปิดการค้าชายแดน ก็จะมีการลักลอบขนสินค้าเถื่อนอีกจำนวนมาก ดังนั้น จึงหวังให้รัฐบาล 2 ประเทศ เร่งเจรจาเพื่อหาข้อยุติ และเชื่อว่า จะสามารถหาทางออกร่วมกันได้ โดยไม่ต้องถึงปิดการค้าระหว่างกัน ซึ่งหากทั้ง 2 ประเทศเจรจากันไม่สำเร็จ อาจจะต้องมีประเทศที่เป็นกลาง เช่น จีน หรืออาเซียน เข้ามาเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย

“เชื่อว่า ปัญหาไทย-กัมพูชา คงไม่ถึงขั้นตัดความสัมพันธ์ เพราะทั้ง 2 ประเทศก็เป็นสมาชิกอาเซียน และอีก 1-2 ปี ก็จะมีการเปิดเสรีการค้าอาเซียน หากเกิดปัญหาก็จะทำให้ความร่วมมือถูกกระทบไปด้วย” ประธานส.อ.ท. กล่าว

นายสันติ กล่าวต่อว่า ภาคเอกชนที่ทำธุรกิจในกัมพูชา ก็มีการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอพยพทันที แต่ก็ยังเชื่อว่า กัมพูชาคงมีการปกป้องนักลงทุนและนักท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาก็มีเอกชนไปลงทุนในกัมพูชาเป็นจำนวนมาก และกัมพูชาก็ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านไทยไปยังแหล่งท่อง เที่ยวสำคัญของกัมพูชา


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์