หนาวแล้ว ยอดดอยต่ำกว่า5องศา กทม.เหลือ20-22 อุตุฯคาดเย็นไม่นาน

กรมอุตุฯเผยเข้าสู่หน้าหนาวอย่างสมบูรณ์ กดอากาศสูงจากจีนกับพายุพาอากาศเย็นเข้าไทย ทำยอดดอยต่ำกว่า5องศาจากนั้นจะลดลงอีก ส่วนกรุงเทพฯลดจาก24เหลือ20-22องศา แต่คาดไม่นานเท่าปีก่อน หมดสิ้นก.พ.

นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา แถลงพยากรณ์อากาศเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน

ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ความกดอากาศสูงจากประเทศจีน หอบอากาศหนาวและแห้งเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ผนวกกับพายุมิริแนที่พัดเข้าประเทศฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เคลื่อนตัวสู่ทะเลจีนใต้ เข้าประเทศกัมพูชา และสลายตัวที่ประเทศกัมพูชา โดยระหว่างการเคลื่อนตัวสู่ทะเลจีนใต้ได้ดูดเอาอากาศเย็นจากประเทศจีนเข้าไปด้วย และเมื่ออากาศเย็นเดินทางถึงไทย จึงรวมตัวกับความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยิ่งทำให้เกิดอากาศหนาวและลมแรงมากขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน


"ถือว่าเราเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่ถือว่าเป็นเหตุผิดปกติ โดยภาคกลาง เหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวและแห้ง บนยอดดอยหนาวจัด ล่าสุดอุณหภูมิต่ำสุดที่ดอยอินทนนท์วัดได้ 6.5 องศาเซลเซียส คาดว่าในวันที่ 4 พฤศจิกายนจะลดลงอีกอย่างน้อย 2-3 องศาเซลเซียส และจะหนาวลงเรื่อยๆ สำหรับกรุงเทพมหานครวันนี้ (3 พฤศจิกายน) มีอุณหภูมิเฉลี่ย 24.6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 23.8 องศาเซลเซียส ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีลมค่อนข้างแรงตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ความเร็วลมประมาณ 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าในวันที่ 4 พฤศจิกายน อุณหภูมิจะลดลงอีก เหลือประมาณ 20-22 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิจะหนาวแบบนี้ไปอีกประมาณ 3-4 วัน" นายสมชายกล่าว


นายสมชายกล่าวว่า สำหรับภาคใต้ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พาดผ่านค่อนข้างแรง เพราะฉะนั้นพื้นที่ที่รับลมคือบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก

ตั้งแต่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง จะมีฝนตกหนัก และคลื่นลมทะเลแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงนี้ สำหรับเรือใหญ่จะต้องตรวจสอบอากาศให้ดีก่อนออกจากฝั่ง ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน เรือเฟอร์รี่ที่บรรทุกนักท่องเที่ยวไปเกาะสมุยงดวิ่งชั่วคราว เพราะคลื่นลมแรงมาก นอกจากนี้ขอเตือนสำหรับคนที่มีบ้านอยู่ใกล้ริมฝั่งทะเล เพราะคลื่นลมที่ค่อนข้างแรงนั้นจะซัดเข้ามายังชายฝั่งแรงอีกด้วย


นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.)

กล่าวถึงสภาพอากาศหนาวเย็นในพื้นที่กรุงเทพฯช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ว่า ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยมวลอากาศเย็นจากตะวันออกเฉียงใต้ของจีนได้พัดเข้ามาทางภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีอุณหภูมิเย็นลงมากกว่าพื้นที่อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ถือว่าฤดูหนาวมาเร็วกว่าปีที่ผ่านมา โดยปกติการเข้าสู่ฤดูหนาวประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนและยาวนานถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ปีนี้ไม่น่าหนาวเย็นและยาวนานเท่าปีที่แล้ว คาดว่าฤดูหนาวปีนี้จะสิ้นสุดก่อนเดือนกุมภาพันธ์


"สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯคาดว่าอากาศจะไม่หนาวเย็นมาก จากข้อมูลต่างๆ เชื่อว่าอุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ 19-20 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นอุณหภูมิปกติในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา ไม่หนาวเย็นมากที่สุด ขณะที่ภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ อุณหภูมิน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10 องศาเซลเซียส แต่บริเวณยอดเขาสูงอาจอุณหภูมิต่ำกว่านั้น" นายอานนท์กล่าว และว่า สิ่งสำคัญ ในช่วงฤดูหนาวต้องระวังเรื่องพายุ เพราะยังมีโอกาสที่จะเจออยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนธันวาคม แม้พายุในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมาจะไม่มีพายุเข้ามาในพื้นที่ภาคใต้ แต่ยังวางใจไม่ได้ เพราะไทยเคยประสบปัญหาอย่างหนักกับพายุมุยฟ้า และพายุลินดา จึงต้องระวังเป็นพิเศษ พื้นที่ที่มีโอกาสเสี่ยง อาทิ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ส่วนประจวบคีรีขันธ์และสงขลา รวมทั้งจังหวัดในแถบอ่าวไทยตอนบน เช่น จ.เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร หรือแม้แต่กรุงเทพฯ มีโอกาสเจอกับพายุเช่นเดียวกัน 


วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพอากาศที่ จ.สกลนคร ว่า มวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน มีลมกระโชกแรงในตอนกลางวัน กลางคืนมีหมอกและน้ำค้าง

รวมถึงอาจมีฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่แสดงถึงการเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว จากการตรวจสอบสภาพอากาศ จากกรมอุตุนิยมวิทยาจังหวัดสกลนคร คาดว่าอากาศจะหนาวเย็นลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส ซึ่งวันนี้ (3 พฤศจิกายน) อุณหภูมิอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส ขณะที่บนยอดภูพานอุณหภูมิอยู่ที่ 15 องศาเซลเซียส จากการตรวจสอบหมู่บ้านที่อยู่บนเขาภูพาน อ.ภูพาน กุดบาก และ อ.เต่างอย อากาศเริ่มหนาวเย็นมีลมกระโชกแรง ส่งผลให้ผู้สูงอายุและเด็กได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวเย็น จึงพากันออกมาตากแดดเพื่อรับแสงอาทิตย์ รวมทั้งพบว่าตลาดสินค้าเสื้อผ้ากันหนาวมือสองหลายแห่งในเขตเทศบาลเมืองสกลนครมีประชาชนแห่ออกมาซื้อเสื้อกันหนาวมือสองอย่างคึกคัก ทั้งเสื้อกันหนาว กางเกง ผ้าห่ม ซึ่งผู้ค้ารับซื้อสินค้าจำนวนมากมาจากตลาดโรงเกลือ รวมทั้งสินค้าที่หลงเหลือจากปีที่ผ่านมากลับมาขายอีก โดยปีที่ผ่านมาค้าขายไม่ดีนัก เนื่องจากอากาศหนาวเย็นเพียงช่วงสั้นๆ


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์